<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สหรัฐฯ ‘แต่งตัวเลข’ จ้างงาน? แก้ข้อมูลย้อนหลัง ทำเฟดหน้าแตก อาจต้องลดดอกเบี้ยด่วน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตลาดการเงินทั่วโลกเกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ได้เปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ “อ่อนแอ” อย่างน่าใจหาย ควบคู่ไปกับการ “แก้ไขข้อมูลย้อนหลัง” ครั้งมโหฬารที่ทำให้ตำแหน่งงานที่เคยรายงานไปก่อนหน้านี้หายไปกว่า 258,000 ตำแหน่ง การเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุน แต่ยังได้จุดประกายความกลัวขึ้นมาว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) อาจกำลังดำเนินนโยบายการเงินอยู่บนข้อมูลที่ผิดพลาดมาตลอดหลายเดือน หรือที่เรียกกันว่า “บินแบบมองไม่เห็น” (flying blind) และอาจถูกบีบให้ต้องกลับลำลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร่งด่วนเพื่อพยุงเศรษฐกิจ

รายงานระบุว่า ในเดือนกรกฎาคมมีการสร้างงานใหม่เพียง 73,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 110,000 ตำแหน่งอย่างมาก แต่สิ่งที่ช็อกตลาดมากกว่าคือการแก้ไขข้อมูลย้อนหลัง โดยตัวเลขของเดือนพฤษภาคมถูกปรับลดลงถึง 125,000 ตำแหน่ง (จาก 144,000 เหลือเพียง 19,000) และเดือนมิถุนายนถูกปรับลดลงอีก 133,000 ตำแหน่ง (จาก 147,000 เหลือเพียง 14,000) ซึ่งการแก้ไขข้อมูลเดือนมิถุนายนในครั้งนี้ถือเป็นการปรับลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021

ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของเดือนมิถุนายนถูกแก้ไขปรับลดลง 133,000 ตำแหน่ง ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 จากการวิเคราะห์ข้อมูลของกระทรวงแรงงานโดยสำนักข่าวรอยเตอร์

ข่าวร้ายนี้เกิดขึ้นเพียงสองวันหลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพิ่งจะแถลงว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งและยังไม่มีความจำเป็นต้องรีบลดอัตราดอกเบี้ย แต่หลังจากที่รายงานฉบับนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ตลาดก็พลิกกลับอย่างสิ้นเชิง โดยโอกาสที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนได้พุ่งสูงขึ้นจาก 38% ในวันพฤหัสบดี มาอยู่ที่ 81% ในทันที “งานของเฟดกำลังจะยากขึ้นอย่างมากจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลง” นาย Matthew Miskin นักกลยุทธ์จาก Manulife John Hancock Investments กล่าว “การแก้ไขข้อมูลครั้งนี้ใหญ่หลวงมากและเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับฟังก์ชันการตอบสนองของเฟดอย่างแท้จริง”

“มันชัดเจนอย่างน่าเจ็บปวดว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มีโมเดลการคำนวณการจ้างงานที่ไม่เหมาะสม” นาย Michael Green ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Simplify Asset Management กล่าว “ถ้าคุณไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ คุณก็จะสร้างนโยบายที่เลวร้าย”

ปฏิกิริยาของตลาดเป็นไปอย่างรุนแรง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีดิ่งลงอย่างหนัก ซึ่งเป็นการลดลงรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน ขณะที่ตลาดหุ้นก็ร่วงลงอย่างหนักเช่นกัน โดยดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 1.5% ไปสู่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม สถานการณ์ที่ย่ำแย่นี้ยังถูกซ้ำเติมจากความกังวลเรื่องกำแพงภาษีของทรัมป์ที่อาจยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อแย่ลงและชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ “ด้วยการสร้างงานที่อยู่ในระดับใกล้หยุดนิ่งและอุปสรรคจากกำแพงภาษีที่รออยู่ข้างหน้า มีความเป็นไปได้สูงที่จะได้เห็นตัวเลขการจ้างงานติดลบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งอาจปลุกความกลัวเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยขึ้นมาได้” นาย Jeff Schulze จาก ClearBridge Investments กล่าวสรุป

ที่มา: reuters