Arkham แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลคริปโตบนบล็อกเชน ออกมาเปิดโปงคดีขโมยคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยระบุว่า กลุ่มเหมืองขุด Bitcoin Mining Pool ของจีน ที่ชื่อ LuBian เคยถูกแฮ็กครั้งใหญ่อย่างลับ ๆ เมื่อเดือนธันวาคมปี 2020 ทำให้สูญเสีย Bitcoin ไปจำนวนกว่า 127,426 BTC คิดเป็นมูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์ ในเวลานั้น และหากคิดตามมูลค่าในปัจจุบัน ก็มีมูลค่ามากถึง 14,500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 470,887 ล้านบาท
เหตุการณ์นี้ถือเป็นการโจรกรรมครั้งใหญ่ กว่ากรณีอื้อฉาวของเว็บเทรด Mt. Gox ที่ล่มสลาย โดยเมื่อปลายปี 2020 แฮ็กเกอร์ได้ขโมย Bitcoin เกือบทั้งหมดที่ LuBian ถือครองอยู่ไป
ซึ่งก่อนหน้านี้ LuBian ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มเหมืองขุด Bitcoin Mining Pool ชั้นนำของโลก และเคยครองสัดส่วนแฮชเรต (hashrate) กว่า 6% แต่ก็ได้ปิดตัวลงอย่างเป็นปริศนา เมื่อต้นปี 2021 ซึ่งเดิมทีเชื่อว่า เกิดจากแรงกดดันด้านกฎระเบียบ แต่ตอนนี้เพิ่งจะทราบว่า สาเหตุที่แท้จริงคือ การถูกแฮ็กนั่นเอง
Arkham รายงานว่า การแฮ็กเกิดจากการที่ LuBian กลุ่มเหมืองขุด Bitcoin Mining Pool ของจีน สร้าง Private Key ด้วยวิธีที่ไม่ปลอดภัย เสี่ยงต่อการถูกถอดรหัสแบบ brute-force ทำให้แฮ็กเกอร์สามารถเข้าควบคุมกระเป๋าเงินหลักของพูลได้
ซึ่งภายในเดือนเดียวกัน แฮ็กเกอร์ยังขโมย BTC และ USDT อีก มูลค่ากว่า 6 ล้านดอลลาร์ จากที่อยู่ที่ใช้ Omni Layer บน Bitcoin
กลุ่มเหมืองขุด LuBian ได้พยายามครั้งสุดท้าย โดยส่งธุรกรรมขนาดเล็กมากกว่า 1,500 รายการ ซึ่งแต่ละรายการมีมูลค่า 1.4 BTC พร้อมข้อความขอร้องให้แฮ็กเกอร์คืนเหรียญที่ขโมยไป แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ
แม้จะถูกโจรกรรมครั้งใหญ่ แต่ LuBian ก็ยังคงเหลือ Bitcoin ที่ถือครองไว้จำนวน 11,886 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,350 ล้านดอลลาร์
ส่วนทางด้านแฮ็กเกอร์ก็ยังคงเก็บเหรียญที่ขโมยมาไว้ โดยมีความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดเป็นการรวมกระเป๋าเงินหลายใบเข้าด้วยกัน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024
Arkham ระบุว่า แฮ็กเกอร์รายนี้ กลายเป็นผู้ถือครอง Bitcoin รายใหญ่อันดับ 13 ของโลก แซงหน้าแฮ็กเกอร์จากคดี Mt. Gox ไปแล้ว
ทั้งนี้ปี 2025 เป็นปีที่เลวร้ายสำหรับวงการคริปโตฯ จากการโจมตีทางไซเบอร์ โดยบริษัทความปลอดภัย Certik รายงานว่า เฉพาะในเดือนกรกฎาคมเดือนเดียว มีความเสียหายรวมกว่า 153 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแบ่งเป็นการโจมตีแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนถึง 86.6 ล้านดอลลาร์ และอีก 55.4 ล้านดอลลาร์ มาจากช่องโหว่ในโค้ด
ที่มา : cryptopotato

