ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) หรือ FOMC ได้มีมติเห็นชอบให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25% – 4.5% โดยไม่ปรับลดตามคำเรียกร้องของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเคยกดดันให้เฟดลดดอกเบี้ยลงอย่างหนักเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ มติของ FOMC ได้รับการคัดค้านจากผู้ว่าการสองคน ได้แก่ มิเชลล์ โบว์แมน (Michelle Bowman) และ คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ (Christopher Waller) ซึ่งมีความเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ Fed ควรจะเริ่มลดดอกเบี้ย เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อมีการควบคุมได้แล้ว และตลาดแรงงานอาจเริ่มอ่อนตัวลง
การคัดค้านของผู้ว่าการทั้งสองคนในครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่หายากมาก เพราะนี่คือครั้งแรกตั้งแต่ปี 1993 ที่มีผู้ว่าการสองคนลงมติคัดค้านการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในลักษณะนี้ แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกจะเติบโตชะลอตัว แต่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งและอัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งช่วยเสริมความเชื่อมั่นในทิศทางของเศรษฐกิจ ขณะที่เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
จากการแถลงข่าวของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า คณะกรรมการยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนหรือไม่ โดยการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับข้อมูลทั้งหมดที่เฟดได้รับในระยะเวลาอันใกล้ ซึ่งรวมถึงผลกระทบจากภาษีศุลกากรที่อาจมีต่อเงินเฟ้อ โดยข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME ชี้ให้เห็นว่า โอกาสในการลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนลดลงจาก 64% เหลือเพียง 46% หลังจากที่พาวเวลล์แถลงข่าว
การไม่เห็นด้วยในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนในทิศทางของนโยบายการเงินของเฟด โดยนักวิเคราะห์หลายคนคาดว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน หากข้อมูลการจ้างงานในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมไม่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
การเคลื่อนไหวของทรัมป์ก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อนโยบายการเงินของเฟด โดยทรัมป์ยังคงเรียกร้องให้พาวเวลล์ลาออกจากตำแหน่ง และเคยเสนอให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 3% เพื่อช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และลดต้นทุนการกู้ยืม ขณะเดียวกัน เขายังวิจารณ์เฟดเรื่องการใช้จ่ายเกินงบประมาณในโครงการปรับปรุงอาคารสำนักงานของเฟด
จากข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ GDP ในไตรมาสที่สองขยายตัวที่ 3% ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้จะมีการปรับฐานหลังการนำเข้าสินค้าจำนวนมากในไตรมาสก่อนหน้า แต่เศรษฐกิจโดยรวมยังคงเติบโตอย่างมั่นคง ขณะที่เงินเฟ้อยังคงอยู่ที่ 2.1% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ 2.5% ซึ่งเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดที่ 2%
การประชุมใหญ่ประจำปีของเฟดในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ Jackson Hole, Wyoming จะเป็นเวทีสำคัญที่พาวเวลล์จะใช้ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่อาจกำหนดทิศทางนโยบายการเงินของเฟดในอนาคต ดังนั้น การตัดสินใจของเฟดในเดือนกันยายนจะเป็นเรื่องที่นักลงทุนจะต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด
ที่มา : cnbc