<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

“เรากำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง!” อดีตขุนคลังอังกฤษร่วมมือ Coinbase ฉะรัฐบาลเมืองผู้ดี

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

สหราชอาณาจักรกำลังล้าหลังในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมรภูมิ Stablecoin แม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะมีศักยภาพมหาศาลที่จะช่วยให้ประเทศสามารถรักษาบทบาทผู้นำในเวทีบริการทางการเงินระดับโลกไว้ได้ก็ตาม นี่คือสาระสำคัญจากบทความแสดงความคิดเห็น (Op-ed) ใน Financial Times ที่เขียนโดยนาย George Osborne อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร ซึ่งปัจจุบันได้กลายมาเป็นที่ปรึกษาให้กับ Coinbase

ตลาด Stablecoin กำลังพุ่งไปข้างหน้า โดยที่เงินปอนด์ของอังกฤษไม่ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ | ที่มา: DefiLlama

“สิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมวิตกกังวล แทนที่จะเป็นผู้ยอมรับนวัตกรรมแต่เนิ่นๆ เรากลับปล่อยให้ตัวเองถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” Osborne เขียนวิจารณ์บ้านเกิดของตนเองอย่างเผ็ดร้อน ความกังวลที่สำคัญที่สุดของเขาคือความคืบหน้าที่เชื่องช้าในเรื่อง Stablecoin ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ช่วยลดอุปสรรคในการทำธุรกรรมและการโอนเงินข้ามพรมแดนได้อย่างมีนัยสำคัญ เขาย้ำว่าในขณะที่สหรัฐอเมริกากำลังเดินหน้าผ่านกฎหมายอย่าง GENIUS Act เพื่อตอกย้ำบทบาทของเงินดอลลาร์ในเวทีโลก แต่การนิ่งเฉยของรัฐบาลสหราชอาณาจักรกลับ “ทำให้มั่นใจได้ว่าเงินปอนด์จะไม่ได้แม้กระทั่งบทบาทตัวประกอบ” “ความจริงที่โหดร้ายก็คือ เรากำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างสิ้นเชิง ถึงเวลาที่ต้องไล่ให้ทันแล้ว” Osborne กล่าวทิ้งท้าย

ส่วนหนึ่งของคำบรรยายจากโฆษณา “Everything Is Fine” ของ Coinbase | ที่มา: YouTube

บทความแสดงความคิดเห็นที่ดุเดือดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Coinbase ซึ่งเป็นบริษัทที่เขาเป็นที่ปรึกษาอยู่ ได้ปล่อยโฆษณาสุดยั่วยุในรูปแบบของมิวสิควิดีโอเสียดสี ที่วิพากษ์วิจารณ์การบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดและวิกฤตค่าครองชีพที่กำลังดำเนินอยู่ในสหราชอาณาจักร โฆษณาซึ่งมีชื่อว่า “Everything Is Fine” (ทุกอย่างสบายดี) เป็นการเน้นย้ำถึงศักยภาพของคริปโตในฐานะทางเลือกในการสร้างความมั่งคั่ง “ถ้่าทุกอย่างสบายดี ก็ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเลย แต่เมื่อระบบการเงินไม่ได้ทำงานเพื่อคนจำนวนมากในสหราชอาณาจักร มันก็จำเป็นต้องได้รับการอัปเดต” Coinbase ระบุในคำบรรยายโฆษณา

การเปิดแนวรุกทั้งในเชิงนโยบายผ่านบทความของ Osborne และในเชิงวัฒนธรรมผ่านโฆษณาที่เสียดสีนี้ สะท้อนให้เห็นว่า Coinbase ซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในการล็อบบี้ทางกฎหมายในสหรัฐฯ กำลังหันมาให้ความสำคัญกับตลาดสหราชอาณาจักรอย่างจริงจังมากขึ้น หลังจากที่เคยเข้าสู่ตลาดนี้เป็นครั้งแรกในปี 2015

ที่มา: cointelegraph