ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ตลาดคริปโตต้องเจอกับข่าวร้าย เมื่อราคา Bitcoin ดิ่งร่วงลงอย่างรุนแรง จากระดับ $117,000 ลงมาแตะจุดต่ำสุดที่ $110,000 ซึ่งคิดเป็นการร่วงลงกว่า 5.8% ในเวลาเพียงไม่กี่วัน การร่วงลงครั้งนี้ เกิดขึ้นพร้อมกับความตึงเครียดทางการเมืองที่ปะทุขึ้นอีกครั้งระหว่างรัสเซียและยูเครน
ความหวังเรื่องการเจรจาสันติภาพที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ พยายามริเริ่ม ดูเหมือนจะจบลงอย่างรวดเร็ว เมื่อ เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ออกมาปฏิเสธแนวคิดนี้อย่างชัดเจน ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว NBC เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ลาฟรอฟกล่าวว่า “ปูตินพร้อมที่จะพบกับเซเลนสกี เมื่อวาระการประชุมพร้อมสำหรับระดับสุดยอด” แต่ก็เสริมอย่างตรงไปตรงมาว่า “และวาระการประชุมนี้ยังไม่พร้อมเลย” คำพูดนี้เป็นการตอกย้ำว่าการประชุมแบบตัวต่อตัวที่ทรัมป์เคยจัดขึ้นระหว่างปูตินและเซเลนสกีในอดีต อาจจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
ขณะที่ทรัมป์พยายามผลักดันการทูตเพื่อหาทางออกของความขัดแย้ง แต่รัสเซียกลับไม่ได้หยุดการโจมตีเลย มิหนำซ้ำยังมีการยิงขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายในยูเครนเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมโยงกับบริษัทสหรัฐฯ การกระทำนี้ยิ่งทำให้เกิดคำถามว่าทรัมป์มีอิทธิพลในการยุติสงครามได้จริงหรือไม่
ขณะเดียวกัน ในวันครบรอบ 34 ปีวันประกาศอิสรภาพของยูเครน กองทัพยูเครนได้ใช้โดรนโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Kursk ทางตะวันตกของรัสเซีย ส่งผลให้กำลังผลิตของเครื่องปฏิกรณ์หมายเลข 3 ลดลง 50% และสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานอื่นๆ แม้จะไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บและระดับรังสีอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ผู้ว่าการเมือง Kursk ก็ประณามการกระทำนี้ว่า เป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และเป็นการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศทั้งหมด
ในขณะที่รายงาน Bitcoin มีการซื้อขายกันอยู่ที่ $112,972 ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงลดลง 1.95% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap
ที่มา:cryptopoltian