<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Metaplanet ทุ่มซื้อบิตคอยน์เพิ่ม 103 BTC ! ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเลื่อนสถานะให้เป็น “บริษัทขนาดกลาง”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Metaplanet บริษัทคลังสำรองบิตคอยน์สัญชาติญี่ปุ่น เดินหน้าสะสมบิตคอยน์อีกครั้ง ด้วยการเข้าซื้อเพิ่ม 103 BTC มูลค่าประมาณ 11.7 ล้านดอลลาร์ เพื่อขยายสินทรัพย์ที่บริษัทถือครองอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางบรรยากาศของตลาดคริปโตที่ยังคงผันผวน

ล่าสุดวันนี้ (25 ส.ค.) บริษัท Metaplanet ได้เปิดเผยข้อมูลการเข้าซื้อบิตคอยน์ในราคาเฉลี่ย 113,491 ดอลลาร์ต่อ BTC ส่งผลให้ปัจจุบัน พวกเขากลายเป็นบริษัทมหาชนที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุดอันดับ 7 ของโลก โดยถือครองอยู่ทั้งหมด 18,991 BTC

นอกจากนี้ Simon Gerovich ประธานบริษัท Metaplanet ยังเปิดเผยผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า บริษัทได้ใชเงินลงทุนในการเข้าสะสมบิตคอยน์ไปแล้วมากถึง 1.95 พันล้านดอลลาร์ โดยมีราคาซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ 102,712 ดอลลาร์ต่อ BTC นับตั้งแต่เริ่มใช้กลยุทธ์ดังกล่าว เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว

ความสำเร็จของ Metaplanet ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวงการคริปโตเท่านั้น เพราะในวันเดียวกัน Gerovich ยังประกาศข่าวดีอีกว่า บริษัทได้รับการปรับสถานะจากบริษัทขนาดเล็ก (small-cap) เป็นบริษัทขนาดกลาง (mid-cap) และถูกเพิ่มเข้าไปในดัชนี FTSE Japan Index ในการทบทวนประจำเดือนกันยายน ซึ่งเขาได้กล่าวว่า นี่คือ “อีกหนึ่งก้าวสำคัญบนเส้นทางสู่การเป็นบริษัท Bitcoin Treasury ชั้นนำของญี่ปุ่น”

ข่าวเชิงบวกดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Metaplanet ปรับตัวขึ้นประมาณ 3.5% ในช่วงกลางวันของวันจันทร์ แม้ว่าราคาจะลดลงกว่า 26.9% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่ราคาหุ้นโดยรวมตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันยังคงเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจถึง 147.9% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อกลยุทธ์ของบริษัท

เท่านั้นยังไม่พอ Metaplanet ได้เติบโตขึ้นไปอีกขั้น เพราะในวันเดียวกัน บริษัทได้รับการปรับสถานะจากหุ้นขนาดเล็ก (Small-Cap) กลายเป็นหุ้นขนาดกลาง (Mid-Cap) และถูกเพิ่มเข้าไปในดัชนี FTSE Japan Index ซึ่ง Gerovich มองเรื่องนี้เป็นก้าวสำคัญสู่การเป็นผู้นำด้าน Bitcoin Treasury ของญี่ปุ่น 

ข่าวเชิงบวกดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้น Metaplanet มีการซื้อขายอยู่ที่ 896 เยนต่อหุ้น ปรับตัวขึ้นกว่า 7.31% และเพิ่มขึ้นมากถึง 152% นับตั้งแต่ต้นปี สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อกลยุทธ์ของบริษัทได้อย่างชัดเจน

ที่มา:theblock