ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดข่าวใหญ่ในประเทศไทยขึ้นหลังธนาคารหลายเจ้าทำการอายัดบัญชีผู้ใช้งานทั่วประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาบัญชีม้า ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก แต่ดูเหมือนว่าไทยจะไม่ใช่ประเทศเดียวที่มีมาตรการคุมเข้มเกี่ยวกับการฟอกเงิน
รายงานจากต่างประเทศเปิดเผยว่า เวียดนามได้มีการปิดบัญชีธนาคารกว่า 86 ล้านบัญชีที่ไม่ผ่านขั้นตอนการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า นับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมาในขณะที่บัญชีอีก 113 ล้านบัญชี จะถูกตรวจสอบภายใต้มาตรฐานใหม่ที่ต้องใช้ข้อมูล biometric เพื่อทำการปราบปรามบัญชีม้า และการฟอกเงิน
ผู้ใช้งาน Reddit ชาวเวียดนามรายหนึ่งเปิดเผยว่า กฎหมายใหม่นี้ได้สร้างเรื่องปวดหัวให้เขาเป็นอย่างมากเพราะเขาทำงานในต่างประเทศ และต้องรีบขึ้นเครื่องกลับมาเวียดนามเพื่อยืนยันตัวตนกับธนาคารก่อนที่บัญชีของเขาจะถูกอายัดและระงับบัญชี
เขากล่าวด้วยความโมโหว่า ขนาดเราอยู่ในปี 2025 แล้วแต่เราก็ยังไม่สามารถโอนย้ายเงินได้ และต้องบินด่วนกลับไปอย่างเดียวโดยไม่มีช่องทาง หรือตัวเลือกอื่นให้ใช้แก้ปัญหา ทว่า สถานการณ์ดังกล่าวดูเหมือนว่าจะส่งผลกระทบต่อคนที่อยู่ในต่างประเทศเป็นหลัก เพราะคนในท้องถิ่นไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากบทสัมภาษณ์ของสื่อต่างประเทศ
ทั้งนี้ ชาวบิทคอยน์เนอร์เมื่อเห็นปัญหาดังกล่าวจึงได้รีบเข้ามาชี้ให้เห็นถึง จุดอ่อนของระบบการเงินแบบดั้งเดิม และยกย่องให้บิทคอยน์เป็นสกุลเงินที่มอบอิสระให้กับผู้ใช้งานอย่างแท้จริง โดยไม่ต้องกังวลถึงการเข้าแทรกแซงจากภาครัฐ หรือความต้องการในการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริก

อย่างไรก็ตาม Daniel Batten หนึ่งในผู้ศรัทธาบิทคอยน์ มองความเคลื่อนไหวของเวียดนามว่า เป็นความพยายายามในการสอดส่องการใช้เงินของคนในประเทศ และนั่นเองจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมระบบการเงินจำเป็นที่จะต้องนวัตกรรมที่เข้ามาป้องกันไม่ให้ภาครัฐเข้ามาวุ่นวายมากจนเกินไป
ที่มา : Cointelegraph

