<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ดอลลาร์-ยูโร-หยวน ใครจะเป็นใหญ่ในวงการ Stablecoin กันแน่?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปัจจุบัน Stablecoin หรือสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีที่มีการตรึงมูลค่าเข้ากับสกุลเงินเฟียตแบบ 1:1 กำลังเป็นที่จับตาจากมหาอำนาจทั่วโลก เนื่องจากโลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัลที่การทำธุรกรรมต่าง ๆ จะไปอยู่บนอินเทอร์เน็ตและบล็อกเชน

ทั้งนี้ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นสกุลเงินที่ครองตลาด Stablecoin มาอย่างยาวนานเนื่องจากมีการเปิดตัวออกมาก่อน แต่ในตอนนี้ทางฝั่งของยุโรปและจีนเองก็เร่งเครื่องสุดกำลังเพื่อเข้ามายังตลาดนี้ แต่เป้าหมายที่แท้จริงกลับไม่ใช่การสร้างวอลุ่มการทำธุรกรรม แต่เป็นการเข้ามาจับจองส่วนแบ่งในการชำระราคาที่อาจมีมูลค่าสูงถึง 2-4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี หากการโอนเงินระหว่างประเทศ 1-2% ย้ายมาใช้ระบบโทเคน

แม้ตัวเลข 1-2% จะดูเหมือนน้อย แต่ข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และบริษัทวิจัย เช่น McKinsey ระบุว่า ฐานตลาดที่เข้าถึงได้ (addressable base) สำหรับกิจกรรมข้ามพรมแดนมีมูลค่าสูงถึงหลายร้อยล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับขอบเขต ซึ่งทำให้แม้แต่การเจาะตลาดในระดับเพียงเลขตัวเดียวต่ำๆ ก็ยังมีนัยสำคัญในช่วงระยะเวลาหนึ่งถึงสองปีข้างหน้า ดังนั้นเราจะไปดูกันว่าผู้ท้าชิงทั้งสองจะสามารถเข้ามาพลิกเกมได้หรือไม่

Stablecoin ดอลลาร์

สำหรับดอลลาร์สหรัฐฯ แม้จะเริ่มอ่อนค่าแต่ในตลาดคริปโตนั้นดอลลาร์ยังคงเป็นที่หนึ่งในเรื่องของการใช้งาน และโปรเจกต์ส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะใช้ดอลลาร์ในการเป็นสกุลเงินอ้างอิง Stablecoin ของพวกเขา เช่น Metamask ที่เพิ่งเปิดตัวเหรียญไปไม่นานมานี้ ขณะเดียวกัน ภาพรวมของอุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐฯนั้นเป็นมิตรมากกว่าจากการมาถึงของกฎหมาย GENIUS Act และ Anti CBDC 

Stablecoin ยูโร

ทั้งนี้ การสร้าง Stablecoin ของยุโรปกลับมีหลักการที่ต่างออกไปเพราะ Digital Euro ถูกสร้างมาเพื่อลดการพึ่งพาระบบชำระเงินจากต่างประเทศในกลุ่มผู้ค้ารายย่อย เพราะปัจจุบันมีธุรกรรมจาก Stablecoins ที่ไม่ใช่เงินยูโรถูกใช้งานกว่า 1 ล้านธุรกรรม ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านยูโรโดยเฉลี่ยในทุกๆวัน ซึ่งทำให้สกุลเงินยูโรถูกลดทอนคุณค่าในฐานะการเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยน

การสร้าง Stablecoin ยูโรขึ้นมาจึงเป็นเหมือนการหาทางรับมือมากกว่าการรุกตลาดโลกโดยตรง เพราะถ้าเหรียญสกุลอื่นถูกกฎหมาย MiCA เข้าขัดขวางจะทำให้ตัวเลือกที่เหลือของประชาชนในการใช้งานจะตกเป็นของ Stablecoin ยูโรในท้ายที่สุดซึ่งถ้ามีการเปิดใช้จริง Stablecoin ยูโรก็อาจครองส่วนแบ่งในพื้นที่ตลาดของตนเองได้จริง

Stablecoin หยวน

ขณะเดียวกัน ทางฝั่งของจีนเองก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวเช่นกันกับการเปิดตัว AxCNH ที่ตรึงมูลค่ากับเงินหยวน ภายใต้การดูแลของฮ่องกง แต่การออกสกุลเงินดังกล่าวก็ไม่ได้มีเป้าหมายระดับครองโลก แต่เป็นการมุ่งเน้นไปยังพื้นที่จำเพาะเช่นกัน 

คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่าเงินหยวนนอกประเทศสามารถมาแทนที่สภาพคล่องของดอลลาร์ได้หรือไม่ แต่คือการที่การออกโทเคนนอกประเทศโดยได้รับอนุญาตในฮ่องกงบวกกับแพลตฟอร์มการเงินเพื่อการค้าจะสามารถรักษาปริมาณธุรกรรมในเส้นทางที่กำหนดไว้ได้หรือไม่ ทว่า ปัจจุบันทางแผ่นดินใหญ่ยังคงระมัดระวังในเรื่องของเทคโนโลยีโทเคน และยังแสดงท่าทีต่อต้านคริปโตอยู่เนือง ๆ 

ใครจะคว้า 1 ล้านล้าน ได้ก่อน ?

ถ้าหากถามว่าสกุลเงินใดที่จะสามารถมีมูลค่าตลาดได้ถึง 1 ล้านล้านได้ก่อน จากสถานการณ์ปัจจุบัน Stablecoin สกุลดอลลาร์สหรัฐฯนั้นได้เปรียบเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้งาน,มูลค่าตลาด,การกำกับดูแล นั่นเองจึงทำให้เราสามารถคาดการณ์ได้ว่า Stablecoin USD จะเป็นสกุลเงินแรกที่ไปได้ถึง $1 ล้านล้านในท้ายที่สุด

อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่ายูโรจะสามารถขึ้นมาทัดเทียมกับดอลลาร์ได้ไหมในตลาด Stablecoin ในตอนนี้คงต้องตอบว่าไม่ เพราะโลกยังคงต้องการสกุลเงินที่มีสภาพคล่องมากที่สุดอย่างดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้งกฎการกำกับดูแลต่างๆของยุโรปยังคงช้าและตามหลังอยู่อีกมากซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2-3 ปีถัดจากนี้ในการพัฒนาจนสามารถใช้ได้ในระดับวงกว้าง

ขณะเดียวกัน แม้จีนจะมีตลาดที่ใหญ่แต่ Stablecoin หยวนเพิ่งถูกเปิดตัวมาได้ไม่นานทำให้เรายังไม่สามารถวัดศักยภาพที่แท้จริงได้และเราต้องมาตามดูกันต่อว่าจีนจะสามารถเป็นมหาอำนาจในเศรษฐกิจดิจิทัลนี้ได้หรือไม่

ที่มา : Cryptoslate