ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กำลังตกอยู่ในภาวะ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” อย่างหนัก เมื่อ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ได้ออกมาย้ำจุดยืนว่าจะไม่รีบร้อนลดอัตราดอกเบี้ย เพราะยังต้องเฝ้าระวังปัญหาเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด ท่าทีดังกล่าวสวนทางอย่างสิ้นเชิงกับเสียงของกรรมการ Fed ฝั่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์แต่งตั้ง ซึ่งเริ่มออกมาเรียกร้องให้ลดดอกเบี้ยอย่างเร่งด่วนเพื่อพยุงตลาดแรงงานที่กำลังเปราะบาง
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงรอยร้าวและความเห็นที่ไม่ตรงกันอย่างรุนแรงภายในองค์กรที่ทรงอิทธิพลที่สุดต่อเศรษฐกิจโลก
ทีม ‘พาวเวลล์’ (สายเหยี่ยว) ขอเบรกก่อน เงินเฟ้อน่ากลัวกว่า
จุดยืนของพาวเวลล์และกรรมการ Fed อีกหลายคนในฝั่งระมัดระวัง (สายเหยี่ยว) นั้นชัดเจน นั่นคือ “เงินเฟ้อต้องมาก่อน”
พาวเวลล์มองว่า แม้ตลาดแรงงานจะชะลอตัวลง แต่ความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะกลับมาพุ่งสูงอีกครั้งจากผลของกำแพงภาษี เป็นสิ่งที่ Fed จะมองข้ามไปไม่ได้เด็ดขาด “เราต่อสู้กับเงินเฟ้อที่อยู่เหนือเป้าหมาย 2% มานานกว่า 4 ปีแล้ว และมันยังไม่จบ” ออสแทน กูลส์บี ประธาน Fed สาขาชิคาโก กล่าวสนับสนุน “การรีบลดดอกเบี้ยตอนนี้เหมือนการเติมน้ำมันเข้ากองไฟ”
พวกเขาเชื่อว่านโยบายการเงินที่ “ค่อนข้างตึงตัว” ในปัจจุบัน ยังเหมาะสมดีแล้ว และทำให้ Fed มีกระสุนเหลือพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ ไม่ว่าจะมาจากฝั่งเงินเฟ้อหรือการจ้างงาน
ทีม ‘ทรัมป์’ (สายพิราบ) ต้องลดดอกเบี้ยด่วน! ไม่งั้นคนตกงาน
ในทางกลับกัน กรรมการ Fed ที่ได้รับการแต่งตั้งในยุคของทรัมป์ (สายพิราบ) กลับมองว่า Fed กำลัง “คิดผิด” และอาจจะเคลื่อนไหวช้าเกินไป
มิเชล โบว์แมน หนึ่งในบอร์ดผู้ว่าการ Fed ออกมาเตือนว่า “ตลาดแรงงานกำลังเปราะบางกว่าที่เห็น และเราเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะรับมือสถานการณ์ได้ไม่ทันท่วงที (behind the curve)” เธอเชื่อว่าผลกระทบจากกำแพงภาษีต่อเงินเฟ้อจะเป็นเพียงระยะสั้น แต่ปัญหาคนตกงานนั้นเป็นเรื่องใหญ่และจริงจังกว่ามาก
ที่น่าตกใจที่สุดคือมุมมองของ สตีเฟน มิแรน อดีตที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทรัมป์ ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใน Fed โดยเขากล่าวว่านโยบายปัจจุบันตึงตัวเกินไปมาก และเสนอว่า Fed ควรลดดอกเบี้ยลงอีกเกือบ 2.0% หรือเทียบเท่ากับการลดดอกเบี้ย 0.25% ถึง 8 ครั้ง ซึ่งเป็นมาตรการฉุกเฉินที่ไม่เคยใช้ในภาวะปกติ
แล้วตลาดเชื่อใคร?
ท่ามกลางความเห็นที่แตกเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน ข้อมูลจากตลาดฟิวเจอร์สบ่งชี้ว่า นักลงทุนยังคงเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว Fed จะต้องยอมลดดอกเบี้ยตามแรงกดดัน โดยคาดการณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งสะท้อนว่าตลาดกำลังเดิมพันข้างฝั่งที่ต้องการให้ลดดอกเบี้ยมากกว่าท่าทีแข็งกร้าวของพาวเวลล์
ที่มา: cnn