กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2025 ซึ่งปรากฏว่าเศรษฐกิจขยายตัวแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก โดยเติบโตถึง 3.8% ต่อปี นับเป็นอัตราการเติบโตที่รวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี และเป็นการปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อนที่ 3.3%
ตัวเลขที่แข็งแกร่งเกินคาดนี้ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคธุรกิจที่สดใส อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจที่ดูดีนี้กลับสร้างความปวดหัวให้กับธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่เพิ่งประกาศลดอัตราดอกเบี้ยไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และอาจทำให้การลดดอกเบี้ยครั้งต่อไปเป็นไปได้ยากขึ้น

เบื้องหลังตัวเลขที่แข็งแกร่ง บริโภค-ลงทุนพุ่ง แต่ ‘การค้า’ ปั่นป่วน
การปรับเพิ่มตัวเลข GDP ในครั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งเป็นสัดส่วนกว่าสองในสามของเศรษฐกิจ ที่ถูกปรับเพิ่มจากเดิมเติบโต 1.6% เป็น 2.5% ขณะที่การลงทุนของภาคธุรกิจในอุปกรณ์และทรัพย์สินทางปัญญาก็ถูกปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์หลายคนชี้ว่าตัวเลข GDP ในช่วงครึ่งปีแรกถูก “บิดเบือน” อย่างมากจากตัวเลขการค้าที่ผันผวนอย่างรุนแรงอันเนื่องมาจากนโยบายกำแพงภาษี
- ในไตรมาส 1 บริษัทต่างๆ แห่นำเข้าสินค้าเพื่อหนีกำแพงภาษี ทำให้ตัวเลขขาดดุลการค้าพุ่งสูง และกดให้ GDP ติดลบ
- ในไตรมาส 2 เมื่อการนำเข้าชะลอตัวลงมาก ทำให้ตัวเลขขาดดุลการค้าลดลงอย่างฮวบฮาบ และเป็นปัจจัยหลักที่ “ดัน” ให้ตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ดูดีเกินความเป็นจริง
ด้วยเหตุนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่จึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีจะเติบโตในระดับต่ำ และอาจทำให้ทั้งปี 2025 โตได้เพียง 1.5% เท่านั้น

สร้างความปวดหัวให้ Fed ตลาดแรงงานแกร่ง แต่จ้างงานโตช้า
ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งนี้สวนทางกับความกังวลของ Fed ที่ตัดสินใจลดดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยอ้างถึงการจ้างงานที่ชะลอตัวลง ข้อมูลอื่นๆ ที่เปิดเผยมาพร้อมกันก็ยิ่งตอกย้ำความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ:
- ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลงสวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ แสดงว่าบริษัทยังไม่เร่งปลดคนงาน
- ยอดสั่งซื้อสินค้าทุน ซึ่งเป็นมาตรวัดการลงทุนของภาคธุรกิจ ก็เพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม
คริสโตเฟอร์ รัพคีย์ (Christopher Rupkey) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ FWDBONDS ให้ความเห็นที่น่าสนใจว่า “เป็นที่ชัดเจนว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว… ถ้าการจ้างงานเติบโตช้า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เศรษฐกิจ แต่อยู่ที่นโยบายคนเข้าเมืองของทรัมป์ต่างหาก” ซึ่งหมายความว่าอาจเป็นปัญหาขาดแคลนแรงงาน ไม่ใช่ขาดแคลนงาน

ปฏิกิริยาตลาด ข่าวดี = ข่าวร้าย?
ตลาดการเงินตอบสนองต่อข่าวนี้ในลักษณะ “ข่าวดีคือข่าวร้าย”
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง เพราะข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งลดโอกาสที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต
- ค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองว่า Fed อาจไม่จำเป็นต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม

ที่มา: reuters

