<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

UN ยกย่อง ‘บล็อกเชน’ เป็นสุดยอดเทคโนโลยีพิสูจน์ตัวตน หลังปฏิวัติระบบบำนาญสำเร็จ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้เผยแพร่เอกสารรายงาน (White Paper) ฉบับล่าสุดที่ยืนยันถึงความสำเร็จครั้งใหญ่ในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน ( Blockchain) มาปฏิวัติระบบบำนาญของตนเอง โดยผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าประทับใจอย่างยิ่ง จน UN ได้ยกย่องให้บล็อกเชนเป็น “สุดยอดเทคโนโลยีสำหรับการยืนยันตัวตนดิจิทัล” (ultimate technology for digital identity verification) และกำลังวางแผนที่จะขยายผลการใช้งานในวงกว้างต่อไป

โจทย์สุดหิน ระบบบำนาญกระดาษอายุ 70 ปี ที่เต็มไปด้วยปัญหา

กองทุนบำเหน็จบำนาญร่วมของพนักงานสหประชาชาติ (UNJSPF) ซึ่งดูแลผู้รับบำนาญกว่า 70,000 คน ใน 190 ประเทศทั่วโลก ต้องเผชิญกับความท้าทายมหาศาลจากระบบการทำงานแบบดั้งเดิมที่ใช้มานานกว่า 70 ปี

ในอดีต ทุกๆ ปี ผู้รับบำนาญจะต้องส่งเอกสารที่เป็นกระดาษเพื่อยืนยันว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ (Certificate of Existence) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ ล่าช้า, สิ้นเปลือง, เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย และเสี่ยงต่อการทุจริต ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้ในแต่ละปีมีผู้รับบำนาญถูก ระงับการจ่ายเงินโดยไม่จำเป็นมากถึง 1,400 ราย

ทางออกด้วยบล็อกเชน’ใบรับรองดิจิทัล’ ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว UN ได้ร่วมมือกับ Hyperledger Foundation ในการพัฒนาระบบ “ใบรับรองการมีสิทธิ์แบบดิจิทัล” (Digital Certificate of Entitlement) บนเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยเริ่มทดลองในปี 2020 และนำมาใช้งานจริงในปี 2021

ผลลัพธ์ที่ได้คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

  • ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมหาศาล “การเปลี่ยนผ่านจากเอกสารกระดาษได้ช่วยลดระยะเวลาในการดำเนินการที่เคยต้องเสียไปกับการรับ, เปิด, สแกน และจัดเก็บเอกสารลงได้อย่างมีนัยสำคัญ” เอกสารระบุ
  • ความปลอดภัยสูงขึ้น บล็อกเชนช่วยขจัดปัญหา “จุดเสี่ยงเพียงจุดเดียว” (Single-Point-of-Failure) ที่มักเกิดขึ้นในระบบที่บริหารจัดการแบบรวมศูนย์
  • ลดความซ้ำซ้อน ข้อมูลที่ถูกยืนยันบนบล็อกเชนมีความน่าเชื่อถือสูง ทำให้หน่วยงานต่างๆ สามารถเข้าถึงและใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบตัวตนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ก้าวต่อไป จากต้นแบบสู่ ‘สาธารณูปโภคดิจิทัล’ ของโลก

ความสำเร็จของโครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างต้นแบบทางเทคนิค แต่ยังเป็น “โมเดลการปฏิบัติงาน” ที่พิสูจน์แล้วว่าองค์กรต่างๆ สามารถร่วมมือกันเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ปลอดภัยและครอบคลุมได้อย่างไร

ด้วยเหตุนี้ UN จึงกำลังสำรวจแนวทางที่จะขยายเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกันนี้ไปยังหน่วยงานอื่นๆ ภายใต้องค์กร และพร้อมที่จะแบ่งปันเทคโนโลยีนี้ให้กับองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ ในฐานะ “สินค้าสาธารณะดิจิทัล” (Digital Public Good)

การยอมรับและผลักดันจากองค์กรระดับโลกอย่าง UN ในครั้งนี้ ถือเป็นกรณีศึกษาที่ทรงพลังที่สุดชิ้นหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของบล็อกเชนในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยเร่งให้เกิดการยอมรับเทคโนโลยีนี้ในภาครัฐทั่วโลก

ที่มา: UNJSPF