<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ลดขั้นตอน! หัวหน้าหน่วยงานกำกับดูแลนิวยอร์ก เรียกร้องให้มี ‘Crypto Passport’ ระหว่างสหรัฐฯ-อังกฤษ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Adrienne Harris หัวหน้าหน่วยงานกำกับดูแลการเงินสูงสุดของรัฐนิวยอร์ก ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ หลังดำรงตำแหน่งมา 4 ปีเต็ม และตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอได้สร้างสมชื่อเสียงในฐานะ “ผู้กำกับดูแลเหล็ก” ที่ทั้งเข้มงวดและทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในโลกการเงิน

ก่อนอำลาจากตำแหน่ง Harris ได้ทิ้ง “ระเบิดลูกใหญ่” เอาไว้ด้วยการเสนอแนวคิดเรื่อง “ระบบพาสปอร์ตคริปโต” (Crypto Passporting) ระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร เป้าหมายคือ ทำให้บริษัทคริปโตที่ดำเนินงานในสองประเทศ ไม่ต้องเจอกับขั้นตอนการอนุมัติที่ยุ่งยากซ้ำซ้อน พร้อมเชื่อว่าหากเกิดขึ้นจริง จะช่วยปกป้องนักลงทุน ลดต้นทุนการกำกับดูแล และเปิดประตูสู่ตลาดโลกได้ราบรื่นยิ่งขึ้น เธอทิ้งท้ายไว้ว่า “คริปโตมันไร้พรมแดน กฎเกณฑ์ก็ไม่ควรจะถูกจำกัดด้วยพรมแดนเช่นกัน”

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความเห็นต่างของสองมหาอำนาจการเงินโลก สหรัฐฯ ที่เริ่มมอง Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรองชาติ ขณะที่ฝั่งอังกฤษกลับยืนยันปัดตกความคิดดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าไม่สอดคล้องกับโครงสร้างระบบการเงินของตนเอง นี่จึงสะท้อนความจริงว่า แม้จะมีเป้าหมายร่วมกันเรื่อง “ตลาดแห่งอนาคต” แต่รายละเอียดก็ยังเต็มไปด้วยรอยร้าว

ย้อนกลับไปตลอด 4 ปีในตำแหน่ง Harris ทำให้ NYDFS กลายเป็นหน่วยงานที่ถูกจับตาไปทั่วโลก เธอกำกับดูแลสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง Goldman Sachs และ Barclays รวมถึงยักษ์คริปโตอย่าง Coinbase และ Circle ผลงานของเธอคือ การทำให้กฎ BitLicense ของนิวยอร์กถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวด, เพิ่มมาตรการต่อต้านฟอกเงิน และเปิดประตูการแลกเปลี่ยนกฎหมายระดับนานาชาติ เช่นการตั้ง Transatlantic Regulatory Exchange ร่วมกับธนาคารกลางอังกฤษ

สิ่งที่ Harris ย้ำเสมอ คือ “การเชื่อมต่อระหว่างการเงินดั้งเดิมและคริปโต” เธอเชื่อว่านี่คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้โลกการเงินใหม่เดินหน้าได้ โดยไม่ถูกครอบงำด้วยการฉ้อโกงและอาชญากรรมทางการเงินที่หลายคนยังกังวล

แม้เธอจะก้าวลงจากตำแหน่งแล้ว และ Kaitlin Asrow รองผู้บริหาร NYDFS จะเข้ามาสานงานต่อ แต่การจากไปครั้งนี้ก็ถูกมองว่าเป็น “จุดสิ้นสุดของยุคทองด้านการกำกับดูแลคริปโตในสหรัฐฯ” เลยทีเดียว

แต่ Harris ก็ยังฝากความหวังเอาไว้ว่า “กฎหมายที่ดีต้องสร้างสมดุลระหว่างการปกป้องผู้บริโภค และการส่งเสริมนวัตกรรมไปพร้อม ๆ กัน”  คำพูดนี้อาจจะกลายเป็นรากฐานสำคัญให้โลกการเงินยุคใหม่ที่ไร้พรมแดนในอนาคตก็เป็นได้

ลิงก์ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ที่มา : cryptoslate