<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เหรียญคริปโตแท้หรือปลอม ดูยังไง ? วิธีเช็ก โทเคนก่อนกด “ซื้อ”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ทุกวันนี้ตลาดคริปโตเต็มไปด้วยเหรียญคริปโตนับแสน การแยก “เหรียญจริง” ออกจาก “เหรียญปลอม” จึงกลายเป็นทักษะจำเป็นที่นักลงทุนคริปโตควรต้องมีติดตัวไว้ เพราะเพียงแค่คลิกพลาดซื้อเหรียญผิด เงินในพอร์ตของคุณอาจหายวับได้ในพริบตา

ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวการหลอกลวงด้วยโทเคนคริปโตปลอมยังเกิดขึ้นแทบทุกสัปดาห์ จากเหรียญที่ตั้งชื่อคล้ายโปรเจกต์ดัง ไปจนถึงเว็บเทรดปลอมที่สร้างขึ้นเพื่อดูดเงินนักลงทุนโดยเฉพาะ เหตุการณ์เหล่านี้กลายเป็นบทเรียนราคาแพง ที่เตือนให้นักเทรดต้องเพิ่มความระมัดระวังมากกว่าเดิม

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปดู 5 วิธีเช็ค “เหรียญคริปโตปลอม” ก่อนกดซื้อ เพื่อให้คุณเทรดได้อย่างมั่นใจ และไม่ตกเป็นเหยื่อของเกมหลอกลวงในโลกดิจิทัล

1. ตรวจสอบ Contract Address (CA) ของโทเคนอย่างละเอียด

โทเคนคริปโตทุกตัวจะมี CA ของตัวเอง เปรียบเหมือนรหัสประจำตัวบนบล็อกเชน หากใส่รหัสผิดแม้เพียงตัวเดียว คุณอาจกำลังซื้อเหรียญปลอมโดยที่ไม่รู้ตัว ดังนั้นตรวจสอบที่อยู่ Contract เฉพาะจากแหล่งข้อมูลที่เป็นทางการเท่านั้น 

ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์หลักของโปรเจกต์, บัญชีโซเชียลมีเดียที่ได้รับการยืนยันแล้ว (X หรือ Discord), แพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถืออย่าง CoinMarketCap หรือ CoinGecko และอย่าลืมว่า อย่าพึ่งข้อมูลเพียงแหล่งที่มาเดียว ควรเทียบจากหลายๆ แหล่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด

2. ใช้เครื่องมือตรวจสอบ Smart Contract

ไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ คุณก็สามารถใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงได้ ปัจจุบันมีเครื่องมืออย่าง Token Sniffer ที่ช่วยสแกนสัญญา Smart Contract ของเหรียญ เพื่อบอกว่า มีโค้ดอันตรายหรือไม่ เช่น ล็อกการขาย หรือเพิ่มเหรียญไม่จำกัด 

การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้ ทำให้คุณรู้ได้ว่า เหรียญที่คุณดูอยู่ เป็นเหรียญจริง หรือเหรียญปลอม ก่อนที่คุณจะกด “ซื้อ”

เคสจริงที่น่าสนใจ

ในปี 2024 ทีมงานของ Binance เจอโทเคนปลอมที่ชื่อว่า BOOM ซึ่งมันน่าสนใจมากเพราะมีสัญญาณเตือนเต็มไปหมด แรกเลย liquidity ในพูลมีแค่ $3,380  แต่กลับมีที่อยู่ที่ได้รับโทเคนนี้ไปมากกว่า 11 ล้านที่อยู่ ซึ่งมันดูไม่ปกติเลย เพราะโทเคนปกติจะมี liquidity สูงถ้ามีคนถือเยอะ

แต่ที่พีคสุดคือ พวกมันตั้งค่า sell tax ไว้ที่ 100% นั่นหมายความว่า ถ้าคุณพยายามขายโทเคนนี้ เงินทั้งหมดจะถูกหักเป็นค่าธรรมเนียม คุณจะไม่ได้เงินสักบาทเดียวพวกมัน airdrop ให้คนเกิน 11 ล้านคน แล้วรอให้คนเริ่มซื้อขาย ถ้ามีการซื้อขายเกิดขึ้นจริง ๆ พวกมันก็จะกอบโกยเงิน 100% จากทุกการขายผ่าน smart contract ที่ตั้งไว้

3. ติดตามข่าวสารด้านความปลอดภัยคริปโต

มิจฉาชีพในโลกคริปโตมักจะปรับเปลี่ยนกลโกงให้เป็นรูปแบบใหม่ๆ อยู่เสมอ ดังนั้น การอัปเดตข่าวสารและหาความรู้ด้านความปลอดภัยเป็นประจำ คือวิธีเดียวที่จะทำให้คุณอยู่รอดและไม่ตกเป็นเหยื่อ การรู้เท่าทันและเข้าใจรูปแบบการหลอกลวงจะช่วยให้คุณ จับสัญญาณอันตรายได้เร็วขึ้น ก่อนที่เงินของคุณจะหายไป 

4. เช็กตัวชี้วัดสำคัญของเหรียญ

ก่อนกด “ซื้อ” อย่าลืมดูตัวเลขเหล่านี้บนบล็อกเชน

  • ราคาปัจจุบัน (ไม่ควรเป็นศูนย์หรือต่ำผิดปกติ)
  • มูลค่าตลาด (Market Cap)
  • สภาพคล่อง (Liquidity)
  • จำนวนผู้ถือ (Holders)

ถ้าตัวเลขเหล่านี้ “ไม่สมเหตุสมผล” เช่น มีผู้ถือเพียงไม่กี่ราย แต่กลับอ้างว่ามีมูลค่าตลาดหลักล้าน นี่อาจเป็นสัญญาณอันตรายที่คุณควรระวังไว้ให้ดี

5. อย่าซื้อเหรียญจากช่องทางที่ไม่เป็นทางการเด็ดขาด

กลโกงที่พบบ่อยคือ การขายเหรียญผ่าน Telegram, WhatsApp หรือ WeChat โดยอ้างว่าเป็น “พรีเซลลับเฉพาะ” อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาแนว “ซื้อก่อน ลิสต์ขึ้นราคาแน่” — เพราะแทบทุกครั้งที่ฟังดูดีเกินจริง มัก “ไม่จริง”

อย่างไรก็ตาม ในโลกคริปโต “ความรู้” คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด โทเคนปลอมไม่ใช่เรื่องไกลตัว มิจฉาชีพจ้องจะหลอกลวงนักลงทุนอยู่เสมอ  ดังนั้นก่อนกดซื้อทุกครั้ง  ตรวจสอบให้รอบคอบ วิเคราะห์ และอย่าหลงเชื่อคำพูดที่ฟังดูดีเกินจริงเด็ดขาด

ถ้าซื้อเหรียญปลอมแล้วทำยังไง?

ถ้าซวยจนซื้อเหรียญปลอมไปแล้ว ให้หยุดซื้อขายทันที อย่าโอนอะไรเพิ่มเติมเช็คประวัติการทำธุรกรรมว่าซื้อมาจากไหน รายละเอียดเป็นยังไง แล้วรีบแจ้งทีมซัพพอร์ตของแพลตฟอร์มที่เราใช้ซื้อขายทันที ส่งหลักฐานและข้อมูลทั้งหมดให้พวกเขา แต่ต้องเตรียมใจไว้ด้วยว่า เงินที่หายไปอาจจะเอากลับคืนมาไม่ได้

สรุปแล้ว เหรียญปลอมมันเป็นภัยร้ายแรงในวงการคริปโตจริง ๆ มันเล่นกับความหวังและความตื่นเต้นของเราที่อยากลงทุนในโอกาสใหม่ ๆ แต่ถ้าเราระวังตัว หาข้อมูลให้ดี และใช้สติในการตัดสินใจ เราก็จะปลอดภัย จำไว้เสมอว่า ถ้าอะไรดูดีเกินไป มันก็มักจะไม่จริงเสมอ

ที่มา:binance