รายงานล่าสุดจาก Reuters เผยว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจยังมีช่องว่างให้ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้อีกครั้งในปีนี้ ตามความเห็นของ Kristalina Georgieva ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
เธอกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคง “แข็งแกร่งเกินคาด” โดยสามารถเติบโตได้ถึง 3.8% ในไตรมาสที่สองของปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ ขณะที่ กำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงทรงตัวในระดับสูง แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานจะเริ่มส่งสัญญาณอ่อนตัว
อย่างไรก็ตาม Georgieva เตือนว่า ภาพรวมเศรษฐกิจยัง “ไม่ชัดเจน” เนื่องจาก อัตราเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวแต่ยังคงอยู่ในระดับเสี่ยง
เธอระบุว่า หากเศรษฐกิจเริ่มอ่อนแรงลงเล็กน้อยในช่วงต่อไป เฟดจำเป็นต้อง “ประเมินอย่างรอบคอบ” เพื่อปรับนโยบายดอกเบี้ยให้เหมาะสม ไม่ให้กระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวม
ปัจจุบัน ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กำลังเผชิญภาวะ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” ทางนโยบายการเงินเพราะต้องผ่อนคลายนโยบายพอสมควร เพื่อพยุง ตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแรง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้อง เข้มงวดเพียงพอ เพื่อไม่ให้ เงินเฟ้อกลับมาระบาดซ้ำ
Georgieva กล่าวว่า IMF กำลังเฝ้าดูข้อมูลทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และเตือนว่าแนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะกลายเป็น ‘เรื่องที่น่ากังวลมากขึ้นเล็กน้อย’ หากบริษัทต่าง ๆ มีการส่งผ่านต้นทุนจากภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นในอัตราที่มากขึ้นร่วมด้วย ซึ่งจะยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อในภาคบริการที่ปัจจุบันยังสูงกว่าช่วงก่อนโควิดประมาณ 1% นั้น มีความรุนแรงมากขึ้น
Georgieva ชี้ว่า ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาษีนำเข้า เนื่องจากหลายบริษัทได้ทำการกักตุนสินค้าไว้ก่อนหน้า แต่สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังคือ หากสินค้าคงคลังเหล่านั้นเริ่มหมด ราคาสินค้าในชีวิตประจำวันอาจพุ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นจุดที่เห็นได้ชัดว่าผู้บริโภคจะปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างไรต่อไป
ท้ายที่สุด เธอเชื่อว่า “โลกได้เข้าสู่ยุคใหม่แล้ว และเราไม่สามารถหันหลังกลับไปได้อีก” โดยชี้ว่านโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ ในยุคทรัมป์ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกหันมาจับมือกันมากขึ้น เกิดเป็นการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจและการเมืองในรูปแบบใหม่ ซึ่งกำลังสร้าง “ขั้วเศรษฐกิจใหม่” ที่เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
ที่มา : Reuters

