กระแส “บริษัทคลังสินทรัพย์ดิจิทัล” ดูเหมือนจะเริ่มถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ในสายตาของ Tom Lee ประธานบริษัท BitMine หนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ของวงการ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมาในพอดแคสต์ Fortune’s Crypto Playbook เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
Tom Lee เปิดประเด็นว่า เทรนด์บริษัทคลังสินทรัพย์ดิจิทัล Digital Asset Treasury (DATs) ที่กำลังบูมทั่วโลกนั้น อาจไม่ได้สดใสเหมือนที่หลายคนคิด เพราะ “ฟองสบู่ของมันแตกไปแล้วในระดับหนึ่ง”
เขาเปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทคลังสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกกว่า 80% กำลังเทรดกัน ต่ำกว่ามูลค่าทรัพย์สินที่ถือครองจริง ซึ่งสะท้อนว่า ตลาดเริ่มมองเห็นช่องโหว่ของธุรกิจรูปแบบนี้แล้ว
Tom Lee กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าแบบนี้ยังไม่เรียกว่าฟองสบู่แตก แล้วจะเรียกว่าอะไร?”
อย่างไรก็ตาม Tom Lee ก็ไม่ได้มองสถานการณ์นี้ในแง่ลบทั้งหมด เขามองว่า นี่คือช่วงเวลาที่ตลาดจะเริ่มคัดกรองและแยกแยะว่า บริษัทไหนมีพื้นฐานจริง และบริษัทไหนเป็นเพียงการสร้างกระแสเท่านั้น
ปัจจุบันตลาดคลังสินทรัพย์ดิจิทัลถูกขับเคลื่อนโดยผู้เล่นหลักเพียงไม่กี่ราย โดยเฉพาะบริษัท Strategy และ BitMine ซึ่งมีอิทธิพลสูงมาก จนกินส่วนแบ่งปริมาณการซื้อขายทั้งหมดในตลาดนี้รวมกันไปแล้วกว่า 86%
Tom Lee ยืนยันว่า BitMine ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทที่ถือครองคริปโตเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทเชิงโครงสร้างในระบบนิเวศด้วย
“เราไม่ใช่แค่บริษัทคลังสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ยังเป็นผู้ถือ Ethereum (ETH) รายใหญ่ที่สุดในโลก”
ปัจจุบัน BitMine ถือครอง ETH มากกว่า 3.03 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นประมาณ 2.5% ของอุปทานทั้งหมดในระบบ โดยตั้งเป้าการถือครอง ETH ไว้ที่ 5% ของอุปทาน ETH ทั่วโลกในระยะยาว
Tom Lee กล่าวย้ำว่า “เรามีส่วนในการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย Ethereum ด้วย นั่นคือสิ่งที่ทำให้ BitMine ไม่ได้เป็นแค่บริษัทการเงิน แต่เป็นตัวกลางระหว่างวอลล์สตรีทกับชุมชน Ethereum”
นอกจากมุมมองต่อบริษัทคลังสินทรัพย์ดิจิทัล แล้ว Tom Lee ยังพูดถึงภาพใหญ่ของเทรนด์เทคโนโลยีโลก โดยมองว่า “Supercycle” ของสองสิ่งที่จะอยู่กับเราไปอีกหลายสิบปี คือ AI และ Crypto
โดยในสองเส้นทางนี้ Ethereum คือ ตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะมีเสถียรภาพสูงตลอดประวัติการดำเนินงาน
“ผมเชื่อว่า การโทเคนไนซ์ทุกอย่างบนโลกนี้จะมีมูลค่าระดับหนึ่งพันล้านล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะเมื่อ AI เข้ามามีบทบาทกับระบบ micropayments ที่ต้องอาศัยบล็อกเชนและในมุมผม ทุกอย่างนั้นจะเกิดขึ้นบน Ethereum”
Tom Lee ทิ้งท้ายอย่างมั่นใจว่า ถึงแม้ฟองสบู่ของบริษัทคลังคริปโตจะแตกไปบางส่วนแล้ว แต่สิ่งที่ยังไม่แตกคือ โอกาสของ Ethereum ที่อาจเติบโต แบบทวีคูณเหนือกว่า Bitcoin ได้ในอนาคต
ที่มา : tradingview

