ในยุคที่ตลาดคริปโตก้าวเข้าสู่การแข่งขันที่ดุเดือดและต้องหาทางเติบโตอย่างยั่งยืน Charles Hoskinson ผู้ก่อตั้ง Cardano ได้ออกมาเปิดเผยวิสัยทัศน์ครั้งใหญ่ที่เจาะลึกไปถึงเป้าหมายระยะยาวของเครือข่าย โอกาสจากเทคโนโลยีความเป็นส่วนตัว รวมถึงประเด็นเชิงนโยบายที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรม ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่เหนือกว่าแค่เรื่องการเก็งกำไรทั่วไป
Hoskinson ได้วางโรดแมปสำหรับ Cardano ไว้ชัดเจนว่า ภายในปี 2030 เครือข่ายจะต้องมีผู้ใช้งานทะลุ 10 ล้านคน โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ การที่บล็อกเชนจะต้องผ่านขั้นตอน “การกำกับดูแล” และ “การกระจายศูนย์เต็มรูปแบบ” ไปเสียก่อน ซึ่งเขาเชื่อว่า เมื่อถึงจุดนั้นแล้ว จะถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตอย่างยั่งยืนของ Cardano อย่างแท้จริงในอนาคต
สิ่งที่ Hoskinson เน้นย้ำเป็นพิเศษคือ โอกาสอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ใน “เทคโนโลยีด้านความเป็นส่วนตัว” หรือ Privacy โดยเขาชี้ว่า นี่คือ “โอกาส 10 เท่าถึง 100 เท่า” ของวงการเลยทีเดียว
หัวใจสำคัญอยู่ที่การสร้างระบบที่ผู้ใช้สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้เอง (programmable privacy) เพราะมันคือ “กุญแจสำคัญ” ที่จะเปิดประตูให้ สินทรัพย์ในโลกจริง (Real-World Assets) มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์ และนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ เข้ามาสู่ตลาดคริปโตได้จริงจังเสียที เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีบล็อกเชนใด ไม่ว่าจะเป็น Ethereum, Bitcoin หรือแม้แต่ Cardano เอง ที่มีระบบ Privacy แข็งแรงพอรองรับการใช้งานในระดับโลก
ด้วยเหตุนี้เอง Project Midnight จึงถูกมองว่าเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ Cardano กำลังเร่งพัฒนาเพื่อตอบโจทย์การยอมรับในระดับสถาบันในอนาคต และแม้จะอยู่ท่ามกลางการแข่งขัน Hoskinson ก็ยังแสดงความชื่นชมต่อ “ความอึด” ของเครือข่าย Solana ที่สามารถฟื้นตัวจากวิกฤตการล่มสลายของเว็บเทรด FTX ได้อย่างแข็งแกร่ง และยังสร้างระบบนิเวศทั้งด้าน DeFi และเหรียญมีมได้อย่างโดดเด่น ซึ่งเขาเรียกว่าเป็น “ตัวอย่างของความคิดสร้างสรรค์ที่จำเป็นต่อการอยู่รอดในระยะยาว”
อย่างไรก็ตาม หัวใจหลักที่ไม่อาจละเลยได้คือหลักการ “การกระจายศูนย์” (Decentralization) Hoskinson จึงวิพากษ์โปรเจกต์ใหม่ ๆ ที่จัดสรรเหรียญมากถึง 70% ให้กับทีมพัฒนาและนักลงทุนร่วมทุน (VCs) โดยยกตัวอย่างโมเดล Airdrop ของ Midnight ที่เน้นการแจกเหรียญให้กับชุมชนเป็นหลัก ซึ่งเขามองว่า นี่คือการกลับไปสู่คุณค่าดั้งเดิมของวงการคริปโตอย่างแท้จริง
อีกหนึ่งตลาดที่ Hoskinson ให้ความสำคัญคือ อินเดีย ซึ่งเขามองว่าเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพสูงสำหรับ Cardano เนื่องจากมีบุคลากรด้านเทคโนโลยีจำนวนมากและมีต้นทุนต่ำ โดยเฉพาะสถาบันอย่าง IIT ที่เป็นแหล่งบ่มเพาะนักพัฒนาเก่ง ๆ ประเด็นนี้สะท้อนถึงภาพใหญ่ของตลาดแรงงานเทคทั่วโลก ที่บริษัทในสหรัฐฯ เคยใช้ประโยชน์จากวีซ่า H-1B เพื่อจ้างวิศวกรอินเดียในอัตราที่ถูกกว่ามาก แต่เมื่อ AI เข้ามามีบทบาท การจ้างทีมขนาดใหญ่ก็เริ่มลดลง แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการ
ทิ้งท้ายสำหรับมือใหม่ในวงการคริปโต Hoskinson ฝากข้อคิดไว้อย่างน่าสนใจว่า “ถ้าคุณอดทนพอ คุณอาจทำเงินได้เป็นพันล้านในปี 2026 ก็เป็นได้” โดยเน้นย้ำว่า โอกาสมีอยู่เสมอไม่ว่าตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง ขอเพียงมีความอดทนและลงมือทำ โดยเฉพาะการร่วมพัฒนาโปรเจกต์โอเพ่นซอร์ส ซึ่งถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการโชว์ฝีมือและสร้างคอนเนกชันกับคนในวงการอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่การรอสมัครงานอย่างเดียว
ที่มา : coinedition

