สำนักข่าว Reuters รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 68 ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กลับมาทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกในรอบ 33 ปี หลังจากหยุดไปตั้งแต่ปี 1992 โดยให้เหตุผลว่า “ประเทศอื่น ๆ ก็มีการทดสอบเช่นกัน”
ทรัมป์โพสต์ผ่าน Truth Social ระบุว่า “ผมได้สั่งให้กระทรวงสงครามเริ่มทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเราในระดับเท่ากับประเทศมหาอำนาจอื่น กระบวนการจะเริ่มทันที” พร้อมย้ำว่าสหรัฐฯ มีอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก ตามด้วยรัสเซียและจีน ซึ่งอาจแซงรัสเซียขึ้นเป็นอันดับสองภายใน 5 ปี

คำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นาน ก่อนที่ทรัมป์จะพบกับ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า เป็นการ “แสดงแสนยานุภาพ” ต่อจีนและรัสเซีย
ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเพิ่งประกาศความสำเร็จในการทดสอบ “ซุปเปอร์ตอร์ปิโดนิวเคลียร์โพไซดอน” ซึ่งสามารถสร้างคลื่นยักษ์ปนเปื้อนกัมมันตรังสีทำลายชายฝั่งได้ รวมถึงการทดสอบขีปนาวุธ Burevestnik และอาวุธนิวเคลียร์อื่น ๆ ในช่วงเดือนตุลาคม
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การทดสอบของสหรัฐฯ มีเป้าหมายทั้งด้านเทคนิคและยุทธศาสตร์ เพื่อประเมินสมรรถภาพของอาวุธรุ่นใหม่ และตอกย้ำอิทธิพลทางทหารของสหรัฐฯ บนเวทีโลกอีกครั้ง หลังห่างหายจากการทดสอบจริงมากว่า 3 ทศวรรษ
ที่มา:Reuters

