การตอบโต้เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติอย่างเฉียบขาดของสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ ได้ปรากฏชัดผ่านการอายัดทรัพย์สินที่เชื่อมโยงกับนายเฉิน จื้อ ผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่ม Prince Group ในกัมพูชา โดยมีมูลค่ารวมกว่า 150 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การดำเนินการของตำรวจสิงคโปร์เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2025 เกิดขึ้นเพื่อสอบสวนในข้อหาการฟอกเงินและการปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับเครือข่าย “Telecom Fraud” หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์คริปโตที่ใช้แรงงานบังคับในกัมพูชาอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
ปฏิบัติการตามล่าทรัพย์สินข้ามพรมแดนนี้ นำไปสู่การยึดและออกคำสั่งห้ามจำหน่ายทรัพย์สินหรูหราหลายรายการในสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ รายการทรัพย์สินที่ถูกอายัดประกอบด้วย อสังหาริมทรัพย์ถึง 6 แห่ง บัญชีธนาคาร บัญชีหลักทรัพย์ เงินสด เรือยอร์ช 1 ลำ และรถยนต์หรูอีก 11 คัน ความสำเร็จของการปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นผลมาจากการประสานงานและความร่วมมือระดับโลกอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการประกาศคว่ำบาตรเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ Prince Group ไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ก็เคยดำเนินการยึด Bitcoin มูลค่ามหาศาลกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ ที่เชื่อมโยงกับนายเฉิน จื้อ มาก่อนหน้านี้ด้วย
การเข้าอายัดทรัพย์สินครั้งใหญ่นี้ตอกย้ำถึงความท้าทายในการติดตามทรัพย์สินที่ถูกฟอกผ่านทั้งสินทรัพย์ดิจิทัล (Crypto Assets) และระบบการเงินแบบดั้งเดิม (TradFi) ข้ามพรมแดน และยังเป็นการย้ำจุดยืนของสิงคโปร์ในฐานะผู้นำในการบังคับใช้กฎหมายด้านคริปโตอย่างเคร่งครัด นาย David Chew ผู้อำนวยการแผนกกิจการพาณิชย์ของตำรวจสิงคโปร์ได้ให้สัญญาณปราบปรามที่ชัดเจน โดยกล่าวเน้นว่าสิงคโปร์ใช้จุดยืนที่แข็งกร้าวและจะไม่ยอมให้บุคคลหรือกลุ่มอาชญากรเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากระบบการเงินของประเทศได้เลย
กรณีของนายเฉิน จื้อ ได้เปิดโปงรูปแบบการฟอกเงินข้ามชาติที่ใช้ “Prince Holding Group” ซึ่งเป็นอาณาจักรธุรกิจหรูหรา มาเป็นฉากบังหน้าสำหรับกิจกรรมอาชญากรรม โดยมีการใช้สิงคโปร์ ฮ่องกง และไต้หวัน เป็นฐานในการจดทะเบียนและดำเนินการฟอกเงิน ซึ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงปัญหาด้านความมั่นคงทางการเงินที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญร่วมกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเรียกร้องให้มีการร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง.
ที่มา: @WuBlockchain

