<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ยกระดับ Stablecoin: สหรัฐฯ-สิงคโปร์ ผนึกกำลังเร่ง ‘Adoption’ สินทรัพย์ดิจิทัล สกัดภัยอาชญากรรมข้ามชาติ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การพบปะกันระหว่าง Scott Bessent รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กับ Lawrence Wong นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ในการประชุม APEC ล่าสุด ถือเป็นการตอกย้ำยุทธศาสตร์ระดับโลกในการผลักดันสินทรัพย์ดิจิทัลให้เข้าสู่กระแสหลักอย่างจริงจัง

สหรัฐฯ กำลังเร่งผลักดันกฎหมาย GENIUS Act เพื่อสร้างกรอบการกำกับดูแล Stablecoin ที่มีดอลลาร์หนุนหลัง (USD-backed) โดยมองสิงคโปร์ ซึ่งเป็น Fintech Hub มูลค่ากว่า $4 ล้านล้านดอลลาร์ และเป็นผู้นำด้านกฎหมาย Stablecoin ในเอเชีย เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างมาตรฐานและช่องทางการไหลเวียนของ Stablecoin ทั่วโลก

การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่: จากผู้ต่อต้านสู่การยอมรับ

การหารือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทัศนคติของผู้นำสิงคโปร์ ซึ่งเคยย้ำจุดยืนในปี 2022 ว่า “ไม่เปิดรับการเก็งกำไรคริปโตเลย” แต่ปัจจุบัน รัฐบาลสิงคโปร์กลับเร่งกระบวนการอนุญาต (Licensing) ให้กับบริษัท DPT (Digital Payment Token) เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรม

การที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ออกมาพูดถึง “Digital Asset Adoption” อย่างเปิดเผยเช่นนี้ จึงเป็นการยืนยันว่าการบูรณาการคริปโตเข้าสู่ระบบการเงินเป็นเรื่องของ “การพัฒนานโยบาย” (Policy Evolution) ไม่ใช่แค่การเก็งกำไรเท่านั้น

วาระซ่อนเร้น: สกัดอาชญากรรม & สร้าง Backbone การเงินโลก

นอกจากประเด็น Stablecoin แล้ว การพบปะยังเน้นย้ำถึงความร่วมมือในการต่อต้าน “กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ” ซึ่งสอดคล้องกับการคว่ำบาตรเครือข่ายสแกมเมอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (เช่น กลุ่ม Prince Group) โดยรัฐมนตรี Bessent ได้ขอบคุณนายกฯ Wong สำหรับความร่วมมือในการสืบสวนและปราบปราม

นักวิเคราะห์ตีความว่า การที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับ Stablecoin ในระดับนี้ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า คริปโตกำลังก้าวข้ามสถานะ “สินทรัพย์ชายขอบ” และกำลังถูกนำมาพิจารณาในฐานะ “แกนหลัก” (Backbone) ของระบบการชำระเงินโลกในยุคใหม่ ซึ่งจะนำมาซึ่งความโปร่งใส, สภาพคล่อง และความมั่นคงของ USD-Stablecoin ที่จะเข้ามามีบทบาทเหนือระบบการชำระเงินแบบดั้งเดิม (TradFi)

ที่มา: @BitcoinMagazine