ช่วงนี้ใครเปิดพอร์ตคริปโตอาจต้องทำใจกันหน่อย เพราะบรรยากาศในตลาดเต็มไปด้วยความกลัวจนขนหัวลุก ล่าสุดดัชนี Crypto Fear & Greed Index ที่ใช้วัดอารมณ์ของนักลงทุนในตลาดคริปโต ร่วงลงแตะโซน “หวาดกลัวสุดขีด” (Extreme Fear) ดิ่งลงต่ำสุดในรอบเกือบ 7 เดือน หลังจากเมื่อวานนี้ (4 พฤศจิกายน) ราคา Bitcoin ร่วงลงหลุดระดับ $106,000 ลงไป
ข้อมูลจาก Alternative.me ระบุว่า ดัชนี Fear & Greed ร่วงลงมาครึ่งหนึ่งจากวันก่อนหน้า เหลือเพียง 21 คะแนน ซึ่งสะท้อนชัดว่า ตลาดกำลังอยู่ในภาวะขาดความมั่นใจ อย่างหนัก แม้วันนี้ราคา Bitcoin จะเคลื่อนไหวผันผวน หลุดต่ำกว่า $100,000 ชั่วคราว ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาที่ราว ๆ $101,000 แต่คะแนนดัชนีก็ยังฟื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยที่ 23 คะแนน โดยยังคงอยู่ในโซนกลัวสุดขีดอยู่ดี

นี่ถือเป็นระดับต่ำสุดของ ดัชนีวัดความกลัวและความโลภของคริปโต (Crypto Fear & Greed Index) ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน ซึ่งตอนนั้นคะแนนเคยร่วงไปแตะ 18 ตอนที่ตลาดหุ้นและคริปโตทั่วโลกร่วงลงหนัก เพราะนโยบายเก็บภาษีระหว่างประเทศของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สร้างแรงกดดันต่อกลุ่มนักลงทุนทั่วโลก
หากย้อนกลับไปครั้งล่าสุดที่ดัชนีวัดความกลัวและความโลภของคริปโตแตะระดับ “หวาดกลัวสุดขีด (Extreme Fear)” คือวันที่ 22 ตุลาคม หลังจากที่ราคา Bitcoin ร่วงจาก $110,000 ลงมาต่ำกว่า $108,000
โดยก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ (5 ตุลาคม) ดัชนีวัดความกลัวและความโลภของคริปโต ยังอยู่ในโซนความโลภ (Greed)” ซึ่งมีคะแนนถึง 74 คะแนนด้วยซ้ำ แต่หลังจากเกิดแรงเทขายรุนแรงช่วงวันที่ 9–10 ตุลาคม ที่ราคา Bitcoin ดิ่งจากจุดสูงสุด $126,000 ทำให้ความมั่นใจของตลาดหายวับไปในพริบตา
นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า การร่วงรอบนี้เกิดจากปัจจัยผสมกันหลายด้าน ทั้งความต้องการจากสถาบันที่ลดลง, กิจกรรมบนบล็อกเชนที่ซบเซา, และโดยเฉพาะท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่แม้จะเพิ่งลดดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของปีไปเมื่อวันพุธ แต่ก็ส่งสัญญาณชัดว่า ปี 2025 อาจไม่มีการลดดอกเบี้ยเพิ่มอีก ซึ่งสวนทางกับความคาดหวังของนักลงทุนที่หวังให้ Fed ผ่อนนโยบายลงต่อเนื่อง
ยิ่งไปกว่านั้น สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุน Bitcoin ETF ยังเผชิญเงินไหลออกสุทธิรวมเกือบ $800 ล้านดอลลาร์ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนที่ ยอดซื้อของสถาบัน ต่ำกว่าปริมาณ Bitcoin ที่ถูกขุดใหม่ต่อวัน
ที่มา : cointelegraph

