<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ประวัติศาสตร์การเงินเปลี่ยน! โลกใกล้มีเศรษฐีคริปโต แตะ 250,000 คน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

โลกกำลังเผชิญหน้ากับปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การเงิน เมื่อจำนวนเศรษฐีคริปโตเคอเรนซีทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าทึ่งถึง 241,700 คน ตามรายงาน Crypto Wealth Report 2025 ที่จัดทำโดย Henley & Partners ร่วมกับบริษัทข้อมูลความมั่งคั่งระดับโลก New World Wealth ตัวเลขนี้สูงขึ้น 40% จากปีที่แล้วพร้อมกับมูลค่าตลาดรวมที่พุ่งสูงขึ้น 45% แตะระดับ 3.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ จำนวนเศรษฐีบิตคอยน์ที่เพิ่มขึ้นถึง 70% ในหนึ่งปี จนมีจำนวนถึง 145,100 คน ยืนยันว่าคริปโตเคอเรนซีไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราวอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นชนชั้นสินทรัพย์ที่เป็นที่ยอมรับอย่างแท้จริง ที่จุดสูงสุดของพีระมิดความมั่งคั่งนี้ มี 450 คนที่ถือครองพอร์ตโฟลิโอมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป ขณะที่มีเศรษฐีคริปโตระดับพันล้านดอลลาร์ถึง 36 คน เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน การก้าวกระโดดของความมั่งคั่งดิจิทัลครั้งนี้เกิดขึ้นในปีที่สถาบันการเงินต่างๆ เริ่มอ้าแขนรับคริปโตอย่างจริงจัง รวมถึงการเปิดตัวคริปโตเคอเรนซีอย่างเป็นทางการโดยประธานาธิบดีและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา

Dominic Volek หัวหน้ากลุ่มลูกค้าเอกชนของ Henley & Partners มองว่าปรากฏการณ์นี้กำลังบังคับให้ผู้กำหนดนโยบายและผู้จัดการความมั่งคั่งต้องคิดทบทวนสมมติฐานที่ยึดถือมานาน เขากล่าวว่า “โครงสร้างทั้งหมดของการเงินสมัยใหม่ถูกสร้างขึ้นบนสมมติฐานที่ว่าเงินต้องมีที่อยู่ แต่คริปโตเคอเรนซีไม่มี ด้วยเพียงวลี 12 คำที่ท่องจำไว้ ใครก็สามารถรักษาความปลอดภัยของบิทคอยน์มูลค่าพันล้านดอลลาร์ และเข้าถึงมันได้ทันทีจากซูริคหรือเจิ้งโจวก็ได้เหมือนกัน”

การกระจายอำนาจแบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นการนิยามความมั่งคั่งใหม่อย่างสิ้นเชิง บิทคอยน์ไม่ได้ถูกใช้เพื่อการเก็งกำไรเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นหลักประกัน สร้างสิ่งที่ Philipp A. Baumann จาก Z22 Technologies เรียกว่า “รากฐานของระบบการเงินคู่ขนาน” Samson Mow ซีอีโอของ JAN3 มองว่านี่คือความแตกแยกเชิงปรัชญา “สกุลเงินเฟียตขยายตัวไปได้ไม่สิ้นสุด ส่วนบิทคอยน์มีจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ ความตึงเครียดนี้แหละที่กำหนดยุคสมัยของเรา”

สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือการบรรจบกันระหว่างคริปโตกับความสามารถในการย้ายถิ่นฐานหรือเดินทางไปอยู่ประเทศต่างๆ ได้อย่างอิสระ Catherine Chen จาก Binance สังเกตว่า “นักลงทุนชนชั้นใหม่ที่เน้นความคล่องตัวในการเคลื่อนย้ายนี้กำลังหันมาใช้โปรแกรมการลงทุนเพื่อสัญชาติมากขึ้นเป็นเส้นทางสู่ความยืดหยุ่นทางภูมิศาสตร์และการเงิน” ข้อมูลของ Henley & Partners เองก็ยืนยันว่า เศรษฐีคริปโตกำลังกระจายตัวไปยังหลายประเทศเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากกฎระเบียบและความผันผวน

เพื่อช่วยนักลงทุนหาประเทศที่ดีที่สุด Henley & Partners ได้สร้าง Crypto Adoption Index ที่ใช้ประเมินประเทศต่างๆ ที่มีโปรแกรมการพำนักอาศัยและสัญชาติโดยการลงทุน โดยพิจารณาจาก 6 ปัจจัย ตั้งแต่กฎระเบียบไปจนถึงนโยบายภาษี ผลการจัดอันดับปี 2025 ให้สิงคโปร์อยู่อันดับหนึ่งด้านนวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ตามด้วยฮ่องกง สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งได้คะแนนเต็ม 10 ด้านความเป็นมิตรทางภาษี เพราะไม่เก็บภาษีการซื้อขายคริปโต การสเตก และการขุดเลย

ประเทศที่กำลังเกิดขึ้นใหม่อย่างเซนต์คิตส์และเนวิส รวมถึงแอนติกาและบาร์บูดา ยอมรับคริปโตเคอเรนซีสำหรับการสมัครสัญชาติแล้ว ส่วนไทยมีการยกเว้นภาษีกำไรจากการลงทุนห้าปีสำหรับผู้ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ทั่วแอฟริกาและเอเชีย มอริเชียสกำลังวางตำแหน่งตัวเองเป็นสะพานเชื่อมการลงทุนฟินเทค พร้อมกับกลยุทธ์คล้ายๆ กันที่กำลังเกิดขึ้นในคอสตาริกา เอลซัลวาดอร์ กรีซ ลัตเวีย และอุรุกวัย

Volek เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็น “การเปลี่ยนผ่านที่ลึกซึ้งของอำนาจอธิปไตยทางการเงิน” เขากล่าวเสริมว่า “กลไกเดียวกันที่บริษัทข้ามชาติเคยใช้ย้ายผลกำไรข้ามพรมแดน ตอนนี้ทุกคนที่มีอินเทอร์เน็ตก็เข้าถึงได้แล้ว คริปโตเคอเรนซีทำให้ความมั่งคั่งระดับโลกเป็นประชาธิปไตย และรัฐบาลต่างๆ ยังคงพยายามทำความเข้าใจว่านั่นหมายความว่าอย่างไร”

ที่มา : globetrender