ธนาคารแห่งชาติเบลารุสเดินหน้าเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (EAEU) ร่วมจัดทำกรอบกำกับดูแลคริปโต หลังพบความเหลื่อมล้ำด้านกฎหมายระหว่างประเทศสมาชิกกำลังสร้างปัญหาในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน
อเล็กซานเดอร์ เยโกรอฟ รองประธานธนาคารแห่งชาติเบลารุสระบุว่า ความแตกต่างของกฎหมายคริปโตในแต่ละประเทศกำลังกลายเป็นความเสี่ยง ทั้งต่อความปลอดภัยของนักลงทุน และต่อระบบเศรษฐกิจของภูมิภาค พร้อมเสนอให้มีการ “ประสานรวมกฎหมายคริปโตให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน” เพื่อป้องกันการไหลของเงินทุนไปยังประเทศที่มีกฎผ่อนปรนหรือภาษีต่ำกว่า
ปัจจุบัน EAEU ประกอบด้วย 5 ประเทศได้แก่ อาร์เมเนีย เบลารุส คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน และรัสเซีย แต่ละประเทศต่างมีกฎคริปโตที่ไม่เหมือนกัน ตั้งแต่ฝั่งที่เปิดกว้างอย่าง เบลารุส High-Tech Park ที่อนุญาตให้ประชาชนใช้งานคริปโตได้เต็มรูปแบบ ไปจนถึง รัสเซียที่ยังจำกัดการใช้และการลงทุนคริปโตในหลายด้าน
เบลารุสยังขอขยายอำนาจ High-Tech Park ให้ครอบคลุม “ธนาคารคริปโต” หลังรัฐบาลชี้ว่า การกำกับดูแลที่หละหลวมอาจทำให้เงินของประชาชนสูญหาย โดยรายงานของรัฐพบว่า เงินลงทุนครึ่งหนึ่งที่ชาวเบลารุสนำไปยังแพลตฟอร์มต่างประเทศ “ไม่สามารถกู้คืนได้”
ด้านประเทศสมาชิกอื่น ๆ ก็ขยับนโยบายคริปโตแตกต่างกันไป คีร์กีซสถานเพิ่งอนุญาตให้ธนาคารเปิดบัญชี Escrow สำหรับธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโต ขณะที่รัสเซียเตรียมไฟเขียวให้บริษัทจัดการกองทุนลงทุนในตราสารคริปโตได้ภายในปี 2026 คาซัคสถานกำลังตั้งกองทุนสำรองคริปโตมูลค่า 500–1,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนอาร์เมเนียประกาศเตรียมห้ามซื้อคริปโตด้วยเงินสดเพื่อปิดช่องโหว่การทำธุรกรรมแบบไม่รู้ตัวตน
ขณะเดียวกัน รัสเซียยังถูกกดดันจากสหภาพยุโรป หลัง EU เดินหน้าการคว่ำบาตรครั้งที่ 19 ที่รวมมาตรการด้านคริปโตเป็นครั้งแรก ทำให้แพลตฟอร์มอย่าง Revolut และ Bybit EU เริ่มระงับหรือปิดบัญชีลูกค้าชาวรัสเซีย แม้จะอาศัยอยู่ในยุโรปก็ตาม
ข้อเสนอของเบลารุสจึงถูกมองว่า เป็นความพยายามสร้างเกราะป้องกันระดับภูมิภาค เพื่อให้กฎกำกับคริปโตของ EAEU เดินไปในทิศทางเดียวกัน ลดความเสี่ยงจากช่องว่างทางกฎหมาย และเตรียมระบบให้พร้อมรับการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
ที่มา:cryptopoitan

