ตามรายงานพิเศษของสำนักข่าว Reuters เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กระทรวงการคลังของบราซิลกำลังพิจารณาที่จะเก็บภาษีธุรกรรมทางการเงินกับการโอนเงินข้ามประเทศที่เกี่ยวข้องกับ Stablecoin และโทเค็นคริปโทบางประเภท
แม้ว่าตามกฎหมาย Virtual Assets Act ฉบับที่ 14,478 ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2022 จะระบุว่า ธุรกรรมคริปโทไม่ต้องเสียภาษี IOF ก็ตาม แต่ผู้ลงทุนก็ยังคงต้องเสียภาษีเงินได้สำหรับกำไรที่เกินวงเงินยกเว้นรายเดือน
แหล่งข่าวระบุว่า การปรับกฎหมายภาษีนี้ จะช่วยปิด “ช่องโหว่ทางกฎหมาย” และยังช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่รัฐบาล ซึ่งกำลังเผชิญกับแรงกดดันในเป้าหมายทางการคลัง
ตลาดคริปโทในบราซิลเติบโตอย่างมากจาก Stablecoin โดยเฉพาะ USDT เพียงครึ่งแรกของปี 2025 บราซิลก็มีธุรกรรมคริปโทสูงถึง 227,000 ล้านเรียล ($42,800 ล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2024 และ USDT มีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของธุรกรรมทั้งหมด ขณะที่ Bitcoin มีสัดส่วนเพียง 11% เท่านั้น ซึ่งรัฐบาลมองว่า Stablecoin ถูกใช้เพื่อ “การชำระเงิน” มากกว่า “การลงทุน” จึงมีความเสี่ยงที่จะเป็นช่องทางในการฟอกเงิน เนื่องจากกฎระเบียบยังไม่ชัดเจน
นอกจากนี้กรอบการกำกับดูแลใหม่ของธนาคารกลางที่เริ่มใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ ยังจัดให้การซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยน Stablecoin เป็นธุรกรรม “ฟอเร็กซ์” เหมือนการโอนเงินต่างประเทศทั่วไป โดยครอบคลุมตั้งแต่การชำระเงิน, การใช้บัตร, การโอนผ่านแอป ไปจนถึงการย้ายเงินเข้า/ออกกระเป๋า self-custody ด้วย
เจ้าหน้าที่รัฐ กล่าวว่า “มาตรการใหม่นี้ป้องกันการใช้ช่องโหว่กฎหมาย และทำให้ stablecoin อยู่ภายใต้การกำกับดูแลเหมือนธุรกรรม FX ทั่วไป”
ล่าสุด กรมสรรพากรบราซิล ได้ขยายกฎการรายงานข้อมูลคริปโทให้ครอบคลุมผู้ให้บริการต่างชาติที่ดำเนินการในตลาดบราซิลด้วย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกลาง ระบุว่า การเห็นภาพเงินไหลเข้า-ออกอย่างชัดเจน จะช่วยให้รัฐจัดเก็บภาษีนำเข้าได้ดีขึ้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจกลางเชื่อว่า บราซิลอาจสูญเสียภาษีกว่า $30,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี เนื่องจากการนำเข้าที่ใช้คริปโทฯ ในการหลีกเลี่ยงภาษี
บราซิลถือเป็นตลาดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในลาตินอเมริกา และติดอันดับ 5 ของโลกใน Chainalysis Global Crypto Adoption Index 2025 โดยในระหว่างเดือนกรกฎาคม 2024 ถึงเดือนมิถุนายน 2025 บราซิลมีเงินคริปโทไหลเข้าสูงถึง $318,800 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของทั้งภูมิภาค
Gabriel Galipolo ผู้ว่าการธนาคารกลาง กล่าวว่า “กว่า 90% ของการไหลเวียนคริปโทฯ ในบราซิล เกี่ยวข้องกับ Stablecoin ที่ peg กับสกุลเงินดอลลาร์”
ล่าสุด ธนาคารกลางของบราซิลยังได้ประกาศกฎใหม่ บังคับให้บริษัทด้านคริปโทในประเทศทั้งหมด ไม่ว่า จะเป็นผู้ดูแลสินทรัพย์, นายหน้า, หรือตัวกลาง ต้องยื่นขออนุญาตก่อนการดำเนินงานด้วย
ที่มา : cryptopolitan