รัฐบาลมาเลเซียออกมาเปิดเผยตัวเลขที่น่าตกใจว่า Tenaga Nasional Berhad (TNB) บริษัทสาธารณูปโภคของประเทศ สูญเงินไปแล้วกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3.5 หมื่นล้านบาท จากการถูกขโมยไฟฟ้าเพื่อใช้ขุด Bitcoin ตั้งแต่ปี 2020 จนถึงเดือนสิงหาคมปี 2025
ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานระบุว่า การตรวจสอบพบสถานที่ผิดกฎหมายถึง 13,827 แห่งที่มีการลักไฟหลวงไปขุดคริปโต โดยส่วนใหญ่เป็นการขุด Bitcoin แม้ว่าการขุดจะไม่ผิดกฎหมายในมาเลเซีย แต่การดัดแปลงมิเตอร์หรือต่อไฟตรงถือว่า ผิดกฎหมายเต็มๆ และสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างไฟฟ้าของประเทศ
TNB เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับตำรวจ คณะกรรมการพลังงาน หน่วยต่อต้านคอร์รัปชัน และองค์กรท้องถิ่น ไล่ปิดสถานที่เหล่านี้ ต่อเนื่องหลายปี พร้อมยึดเครื่องขุดจำนวนมากจากโกดัง ร้านค้า และบ้านเช่าที่ถูกดัดแปลงเป็นสถานีขุด Bitcoin ใต้ดิน โดยหลายแห่งติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ระบบระบายอากาศ และฉนวนกันเสียงเต็มรูปแบบ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่จับได้
จากรายงานของ SCMP ปฏิบัติการของแก๊งขุดคริปโตมักต่อสายไฟตรงเข้ากับโครงข่ายไฟฟ้าหลัก ทำให้ไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว และย้ายสถานที่ทุกไม่กี่เดือนเพื่อหลบการจับกุม
เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ TNB ได้ติดตั้ง Smart Meter ตามสถานีไฟฟ้าย่อย และเริ่มใช้ AI วิเคราะห์รูปแบบโหลดไฟฟ้าแบบเรียลไทม์เพื่อจับสัญญาณผิดปกติ ขณะที่ตัวเลขจำนวนคดีขโมยไฟพุ่งสูงถึง 300% ระหว่างปี 2018–2024 โดยมีคดีเฉลี่ยกว่า 2,300 คดีต่อปี ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
แม้มาเลเซียจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีส่วนแบ่ง Hash Rate อยู่ในระดับสูง แต่ช่องโหว่ของกฎหมายกลับทำให้อุตสาหกรรมขุดคริปโตไม่สามารถเติบโตได้เต็มที่
ACCESS Blockchain Association ประเมินว่า หากรัฐบาลทำให้กิจกรรมขุดถูกกฎหมายอย่างเป็นทางการ จะสามารถดึงดูดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานได้ถึง 700 ล้านริงกิต หรือราว 5.4 พันล้านบาท และสร้างงานกว่า 4,000 ตำแหน่งในปีนี้เพียงปีเดียว

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมาเลเซียยังไม่มีกรอบกำกับดูแลที่ชัดเจนสำหรับธุรกิจขุดคริปโต ทำให้ผู้ประกอบการเถื่อนเริ่มเจริญเติบโต ขณะที่ผู้ประกอบการถูกกฎหมายกลับไม่ได้รับความสนใจ เพราะความไม่ชัดเจนของกฎหมาย
ที่มา:cryptonews

