<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ทำเนียบขาวชงกฎใหม่ ! ให้สรรพากรสามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชีคริปโตของชาวสหรัฐฯ ในต่างประเทศ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ดูเหมือนว่ายุคเก็บคริปโตต่างประเทศแบบ “เงียบ ๆ ไม่ให้ใครรู้” สำหรับชาวอเมริกัน กำลังจะจบลง เพราะทำเนียบขาวสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเข้าร่วมกรอบมาตรฐานรายงานภาษีระดับโลก ซึ่งการดำเนินการนี้ อาจทำให้ กรมสรรพากรสหรัฐฯ (IRS) สามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชีคริปโตของพลเมืองสหรัฐฯ ที่ถือครองอยู่ในต่างประเทศได้ 

หากกฎหมายนี้ถูกบังคับใช้ สหรัฐฯ จะเข้าร่วมกับกลุ่มประเทศที่ใช้มาตรฐานภาษีระดับโลกของ Crypto-Asset Reporting Framework (CARF) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดการหลบเลี่ยงภาษี และทำให้การรายงานสินทรัพย์ดิจิทัลโปร่งใสมากขึ้น

ซึ่งกฎที่ถูกเสนอโดยกระทรวงการคลัง “Broker Digital Transaction Reporting” มีเป้าหมายเพื่อให้สหรัฐฯ ปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานภาษีระหว่างประเทศ และลดแรงจูงใจที่ชาวอเมริกันจะย้ายสินทรัพย์ไปเก็บบนเว็บเทรดนอกประเทศ

ข้อเสนอดังกล่าวยังเกี่ยวโยงกับรายงานจากทำเนียบขาว เมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 ที่ออกมาภายใต้คำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งได้มีการจัดตั้ง คณะทำงานด้านตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล (Working Group on Digital Assets Markets) โดยคณะทำงานนี้ ได้รับมอบหมายให้เสนอกรอบการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลที่ชัดเจน เพื่อช่วยให้สหรัฐฯ รับมือกับการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รายงานดังกล่าวระบุว่า เทคโนโลยีดิจิทัลและบล็อกเชน สามารถเปลี่ยนโฉมระบบการเงินของอเมริกาได้

“คณะทำงานเชื่อว่า สินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน มีศักยภาพที่จะปฏิวัติระบบการเงินของอเมริกา รวมถึงระบบความเป็นเจ้าของ และธรรมาภิบาลในหลายภาคส่วนของเศรษฐกิจ” 

พร้อมทั้งย้ำว่า “ผู้ประกอบการชาวอเมริกันที่สร้างสรรค์นวัตกรรมในวงการนี้ สมควรได้รับทั้งความชัดเจนด้านนโยบาย และการยอมรับในความก้าวหน้าที่พวกเขาได้ทำให้เกิดขึ้น”

แม้ว่าข้อเสนอนี้จะไม่ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “มีผลกระทบทางเศรษฐกิจสูง” แต่ก็จะส่งผลให้พลเมืองชาวอเมริกัน ต้องรายงานกำไรจากการเทรดคริปโตบนเว็บเทรดต่างประเทศอย่างเข้มงวดกว่าเดิมมาก และอาจเปลี่ยนพฤติกรรมของนักลงทุนจำนวนไม่น้อย

ซึ่งคณะทำงานของประธานาธิบดีได้แนะนำให้กระทรวงการคลังและ IRS ผลักดันกฎที่จะนำสหรัฐฯ เข้าสู่กรอบ CARF อย่างเป็นทางการ

กรอบนี้ถูกสร้างโดย OECD เมื่อปี 2022 และคาดว่า จะถูกนำไปใช้ทั่วโลกภายในปี 2027 ภายใต้ระบบ CARF ซึ่งประเทศสมาชิกจะแลกเปลี่ยนข้อมูลการถือครองคริปโตของประชาชนแบบอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการเลี่ยงภาษี โดยปัจจุบันมีประเทศที่เข้าร่วมแล้ว เช่น UAE, สิงคโปร์ และศูนย์กลางคริปโตชั้นนำอื่น ๆ

ที่มา : cryptodaily