ราคา Bitcoin (BTC) ได้ร่วงลงอย่างหนักกว่า 23% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งนับเป็นการปรับฐานที่รุนแรงที่สุดของตลาดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2022 เหตุการณ์นี้มีจุดเริ่มต้นจากการล้างเลเวอเรจครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการล้างพอร์ตครั้งมหาศาล ส่งผลให้โทเคนและโพซิชันที่ใช้เลเวอเรจมูลค่ารวมกว่า $19,000 ล้านดอลลาร์ ถูกกวาดล้างหายไปจากตลาดในทันที และทำให้มูลค่าตลาดคริปโตรวมลดลงไปกว่า $1.5 ล้านล้านดอลลาร์
ตามรายงานของ Bloomberg ระบุว่า ราคา Bitcoin ได้ร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ $81,629 ดอลลาร์ ก่อนที่จะมีการดีดตัวกลับขึ้นมาอยู่ที่ $84,166 ดอลลาร์ ณ ช่วงเช้าในลอนดอน
ในขณะที่ราคา Ether (ETH) ก็ร่วงลงอย่างหนักกว่า 7.6% จนหลุดต่ำกว่า $2,700 ดอลลาร์ การร่วงลง 23% ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ถูกมองว่าเป็นความรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ยุคที่ TerraUSD (UST) พังทลาย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่การล้มตามกันเป็นโดมิโนของหลายบริษัทในอุตสาหกรรม ก่อนจะไปจบที่การล่มสลายของเว็บเทรด FTX ในปี 2022
แม้ว่าปีนี้รัฐบาลทรัมป์จะให้การสนับสนุนคริปโตและมีสถาบันการเงินเข้ามามากขึ้น แต่ราคา Bitcoin ก็ยังคงร่วงลงมากกว่า 30% จากจุดสูงสุดที่ทำไว้เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ข้อมูลล่าสุดจาก CoinGlass ยังชี้ให้เห็นว่า ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการล้างเลเวอเรจเพิ่มขึ้นอีก $2,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งตอกย้ำถึงความผันผวนและความเปราะบางของตลาด
นอกจากนี้ นักลงทุนสถาบันยังคงลังเลที่จะเข้าซื้อ สะท้อนจากการที่กองทุน Spot Bitcoin ETF ทั้ง 12 กองทุนในสหรัฐฯ มีเงินไหลออกสุทธิสูงถึง $903 ล้านดอลลาร์ในวันเดียว ซึ่งเป็นการไหลออกครั้งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เปิดตัวในช่วงต้นปี 2024 และมูลค่ารวมของสัญญา Open Interest แบบ Perpetual ก็ลดลงถึง 35% จากจุดสูงสุดในเดือนตุลาคม ข้อมูลเหล่านี้ยืนยันว่านักลงทุนสถาบันยังคงไม่กล้าเสี่ยงกลับเข้าไปในตลาดมากนัก
ที่มา : unn