การร่วงลงของราคา Bitcoin ในรอบล่าสุด ได้เผยให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า ฝั่งสหรัฐฯ เป็นปัจจัยหลักในการกดราคา Bitcoin ให้ร่วงลง ในขณะที่ ฝั่งเอเชียทำหน้าที่เป็นผู้ที่พยายาม “ช้อนซื้อ” ทุกครั้งที่ราคา Bitcoin ร่วง
ข้อมูลหลายชุดแสดงให้เห็นว่า ช่วงเวลาที่ตลาดอเมริกาเปิดทำการคือ ช่วงที่ Bitcoin อ่อนแอที่สุด จนนำไปสู่คำถามสำคัญว่า นี่คือการปรับฐานตามปกติของตลาดขาขึ้นหรือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงโครงสร้างตลาด ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ?
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาด Bitcoin ได้เผยให้เห็นรูปแบบการซื้อขายที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ อย่างชัดเจน ตามช่วงเวลาตลาดโลก โดยราคา Bitcoin จะถูกกดดันอย่างหนักและเกิดการเทขายอย่างรุนแรง ติดต่อกันหลายชั่วโมงในช่วงตลาดอเมริกา จากนั้นจะมีการอ่อนตัวลงเล็กน้อยในช่วงตลาดยุโรป
แต่จุดสำคัญคือ ราคา Bitcoin จะเริ่มฟื้นตัว และได้รับการสนับสนุนจากแรงซื้อที่เข้ามาอย่างท่วมท้นในช่วงตลาดเอเชีย

ผลตอบแทนสะสมของ Bitcoin ตามช่วงการซื้อขาย ที่มา: CryptoRover
มีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม X กล่าวว่า “ทุกครั้งที่ตลาดอเมริกาเปิด ก็มีแต่ขายรัว ๆ พอตลาดเอเชียตื่นขึ้นมา ก็ซื้อกลับหมด เป็นแบบนี้ทุกวัน”
ปรากฏการณ์นี้สะท้อนความแตกต่างใน “ความเสี่ยงที่ยอมรับได้” (Risk Appetite) โดยฝั่งสหรัฐฯ เทขาย เพราะกังวลเรื่องปัจจัยมหภาค (ดอกเบี้ย, นโยบายการเงิน, สภาพคล่อง) และสถาบันส่วนใหญ่มีมุมมองเป็นขาลง (Bearish)
ขณะที่ฝั่งเอเชียกลับมองเป็นโอกาส และรีบเข้าซื้อ Bitcoin เพราะนักลงทุนรายย่อยมีความเชื่อมั่นใน Bitcoin ระยะยาว โดยเจ้ามือในเอเชียมีพฤติกรรมเข้าซื้อ Bitcoin ในช่วงที่ตลาดหวาดกลัว และมีความเชื่อในการถูกนำไปใช้ในวงกว้างระยะยาว
นอกจากนี้ ตลาดสหรัฐฯ มีสภาพคล่องสูงมาก ดังนั้น เมื่อนักลงทุนในฝั่งสหรัฐฯ ตัดสินใจเทขายออกมา ราคาจึงร่วงลงอย่างรุนแรง และรวดเร็ว ซึ่งแรงกดดันที่เกิดจากการเทขายครั้งใหญ่นี้เอง ที่ทำให้นักลงทุนในฝั่งเอเชียต้องเข้ามารับ เพื่อประคองและสร้างฐานราคาให้กลับมาฟื้นตัวได้ในที่สุด

ดัชนี Coinbase Premium ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของสถาบันในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในแดนลบเกือบตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายน ที่มา: Coinglass
ทั้งนี้ ดัชนี Coinbase Premium Index ก็สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันในสหรัฐอเมริกาที่ยังคงอยู่ในแดนลบเกือบตลอดเดือนพฤศจิกายน ตัวเลขนี้บ่งชี้ว่า นักลงทุนสถาบันฝั่งสหรัฐฯ กำลังอยู่ในโหมดขายมากกว่าซื้อ (Net Sellers)
สถานการณ์นี้แตกต่างอย่างชัดเจนจาก กองทุน ETF ในเอเชียและยุโรป ซึ่งยังคงมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องและเป็น ผู้ซื้อสุทธิอยู่หลายครั้ง
ขณะนี้ ฝั่งเอเชียที่แสดงความมั่นใจ กำลังพยายามดันราคาให้พุ่งกลับขึ้นไป แต่ฝั่งอเมริกาที่ยังคงมีความกังวลอาจจะยังคงถ่วงตลาดต่อไป ดังนั้นทิศทางของ Bitcoin ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะถูกกำหนดโดยปัจจัยสำคัญหลายประการ ได้แก่ นโยบายอัตราดอกเบี้ย, สภาพคล่องทั่วโลก, ข่าวคริปโตในสหรัฐฯ, และพฤติกรรมของกลุ่มเจ้ามือและสถาบันการเงิน
ที่มา : beincrypto

