ในขณะที่คนส่วนใหญ่อาจรู้สึกกังวลเมื่อมีหนี้สินหลักล้าน แต่สำหรับโรเบิร์ต คิโยซากิ ผู้เขียนหนังสือชื่อดังอย่าง พ่อรวยสอนลูก (Rich Dad, Poor Dad) นั้น กลับมีหนี้จำนวนมหาศาลถึง 1,200 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 39,000 ล้านบาท) แต่สิ่งนี้ไม่ได้สร้างความกังวลให้กับเขาเลยแม้แต่น้อย
ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้โรเบิร์ต คิโยซากิ ได้ไปออกรายการ The Iced Coffee Hour แล้วถูกพิธีกรในพอดคาสต์ ถามตรง ๆ ว่า “คุณมีหนี้เท่าไหร่?” คิโยซากิก็ตอบทันทีว่า “1.2 พันล้านดอลลาร์” พร้อมหัวเราะ
เมื่อพิธีกรถามต่อว่า ไม่กลัวผิดนัดชำระเลยเหรอ? เขาก็ตอกกลับด้วยประโยคเด็ดที่เป็นคอนเซปต์ประจำตัวว่า
“ถ้าคุณเป็นหนี้ธนาคาร 20 ล้าน แล้วคุณจ่ายไม่ได้ นั่นคือปัญหาของคุณ
แต่ถ้าคุณเป็นหนี้ธนาคาร 1 พันล้าน แล้วจ่ายไม่ได้ นั่นคือปัญหาของธนาคาร”
ประเด็นนี้ทำให้ โรเบิร์ต คิโยซากิ ผู้เขียนหนังสือ พ่อรวยสอนลูก กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง เพราะเขาอธิบายแนวคิดเรื่อง “หนี้” และ “สินทรัพย์” ที่สวนกระแสโลกแบบเต็มๆ
โรเบิร์ต คิโยซากิ ตอบชัดว่า ตัวเองใช้หนี้ เพื่อซื้อสินทรัพย์ ไม่ได้ใช้ซื้อของฟุ่มเฟือย แม้จะมีรถหรูเต็มบ้าน ทั้ง Ferrari และ Rolls Royce แต่เขาก็ย้ำว่า รถเหล่านั้นคือ หนี้สิน เพราะมันไม่สร้างรายได้ให้เขาเลยสักบาท
คิโยซากิยังพูดแรง ๆ ว่า “การเก็บเงินสดไว้นั้นโง่ เพราะเงินดอลลาร์มันไม่ Peg กับทองคำแล้ว” และเขาไม่เชื่อใน “การออมเงิน” โดยเฉพาะหลังปี 1971 ที่ดอลลาร์หลุดจากมาตรฐานทองคำ เขาจึงเลือกเก็บทองคำ และแร่เงินแท่ง แทนเงินสด และใช้ “หนี้” เพื่อซื้อทรัพย์สินที่ทำเงินได้จริง
ด้วยแนวคิดนี้เอง เขาจึงประกาศแบบมั่นใจว่า หนี้ 1.2 พันล้านดอลลาร์ ไม่ใช่ปัญหาของผม แต่เป็นปัญหาของธนาคาร เพราะถ้าเขาล้ม ธนาคารก็จะล้มตามไปด้วยทันที
ตามแนวคิดของเขา หนี้แบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ หนี้ดี ซึ่งหมายถึงหนี้ที่นำไปสู่การสร้างรายได้หรือกระแสเงินสด เช่น การกู้ยืมเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือซื้อธุรกิจ และ หนี้เสีย คือ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดเงิน หรือใช้จ่ายไปกับสินค้าฟุ่มเฟือยที่หมดไป (เช่น รถหรู หรือกระเป๋าแฟชั่น) โดยเขาเชื่อมั่นในกลยุทธ์ที่ใช้ “หนี้ดี” เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความมั่งคั่ง
สำหรับคิโยซากิ “หนี้ดี” คืออาวุธลับที่ช่วยสร้างความมั่งคั่ง โดยเฉพาะการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเขามองว่า เป็นช่องทางที่ใช้หนี้เพื่อเพิ่มผลตอบแทนได้ทรงพลังที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น คิโยซากิยังมีความเชื่อที่แน่วแน่ว่า “สินทรัพย์ที่แท้จริงมีมูลค่า” โดยเขาถือทองคำระดับเป็นตัน มีแร่เงินจำนวนมาก เพราะเขามองว่า แร่เงินเริ่มหายากขึ้น และยังมีราคาถูกกว่าทองแดง
นอกจากนี้ เขายังชอบ Bitcoin มาก เพราะมองว่าเงินดอลลาร์เป็น “ขยะ” และ Bitcoin คือทางหนีออกจากระบบการเงินดั้งเดิม
แม้ว่าอสังหาริมทรัพย์จะยังเป็นพอร์ตหลักของเขา แต่สิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึงคือ เขายังลงทุนในวัววากิว อีกด้วย ซึ่งยิ่งตอกย้ำว่า สำหรับเขาแล้ว “สินทรัพย์นอกระบบการเงิน” คือสิ่งที่มั่นคงที่สุดในการรักษามูลค่าในระยะยาว
ที่มา : livemint