<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ซีอีโอ Strike โต้เดือด ! นำจดหมาย JPMorgan อัดใส่กรอบ หลังถูกธนาคารสั่งปิดบัญชีแบบไร้เหตุผล

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Jack Mallers ซีอีโอของบริษัทด้านคริปโตอย่าง Strike เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้ออกมากล่าวว่า JPMorgan ธนาคารยักษ์ใหญ่ได้ทำการปิดบัญชีธนาคารของเขาตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยไม่มีคำเตือนหรือการให้เหตุผลที่ชัดเจน

Maller กล่าวว่า แบงก์ได้ส่งจดหมายมาอธิบายแค่ว่า ที่ปิดบัญชีธนาคารก็เป็นเพราะมีการตรวจพบ “กิจกรรมที่น่าเป็นห่วง” และพอติดต่อไปก็ได้รับคำตอบมาแค่ว่า “เราบอกคุณไม่ได้ และคุณจะไม่สามารถเปิดบัญชีใหม่ได้” แม้ครอบครัวเขาจะเป็นลูกค้ามายาวนานกว่า 30 ปี

เขาตกตะลึงกับคำตอบเหล่านี้มาก และได้ทำการนำจดหมายดังกล่าวมาใส่กรอบและแชร์โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวเน็ตที่กำลังเดือดดาลจากกรณีที่ JPMorgan ส่งคำเตือนไปยัง Strategy ว่าจะถูกถอดออกจากดัชนี MSCI USA

ทั้งนี้ การกระทำของ JPMorgan ถูกมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติต่อผู้บริหารบริษัทคริปโต และยังคงมีความเกลียดชังและความต้องการที่จะสกัดกั้นไม่ให้บุคคลเหล่านี้เข้าถึงบริการทางการเงิน (Debanking) ซึ่งขัดกับสิ่งที่ ปธน. ทรัมป์เพิ่งเซ็นอนุมัติไปในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา

จาเหตุการณ์ดังกล่าวได้ทำให้ Bo Hines อดีตที่ปรึกษาด้านคริปโตของทรัมป์ และที่ปรึกษาของ Tether ในปัจจุบันได้ออกมาวิจารณ์ว่า “ปฏิบัติการ Choke Point มันจบไปแล้ว รู้กันบ้างไหม” 

ขณะเดียวกัน วุฒิสมาชิก Cynthia Lummis ได้ให้ความเห็นว่า ทาง JP Morgan กำลังจะปัดฝุ่นและนำ Operation Choke Point 2.0 กลับมา ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราไม่อยากให้เกิดขึ้น เพื่อให้สหรัฐฯจะสามารถเป็นเมืองหลวงคริปโตได้ โดยไม่ขับไสไล่ส่งธุรกิจคริปโตไปยังต่างประเทศ

สำหรับ Operation Choke Point 2.0 เป็นคำที่ใช้เรียกปฏิบัติการของรัฐบาล โจ ไบเดน ที่กดดันและบีบบังคับให้ธนาคาร ระงับการให้บริการแก่บริษัทคริปโตรวมถึงผู้บริหาร ซึ่ง Jason Allegrante จาก Firblocks มองว่าเป็นการกระทำที่ยิ่งส่งผลเสียมากกว่าผลดี เพราะบริษัทคริปโตไม่ได้เจ๊ง แต่ย้ายถิ่นฐานออกจากสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม การถูก Debanking ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ชาวคริปโตเท่านั้น เพราะขนาด Eric Trump บุตรชายของประธานาธิบดี ก็เคยประสบเหตุการณ์แบบนี้เช่นเดียวกัน และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาและครอบครัวเริ่มให้ความสนใจในคริปโต


ที่มา : Cryptopolitan