กระแสความตื่นตัวในโลกคริปโตกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่มีการเผยแพร่ข้อมูลบนแพลตฟอร์ม X โดยอ้างถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวที่ระบุว่า การผ่านร่างกฎหมายโครงสร้างตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลฉบับใหม่ อาจเป็นตัวเร่งสำคัญที่จะผลักดันให้มูลค่าตลาดคริปโตโดยรวมพุ่งทะยานไปถึง 20 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โพสต์ดังกล่าวที่กำลังเป็นไวรัลได้กระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วยข้อความสั้นๆ แต่ทรงพลังว่า: “คุณยัง Bullish ไม่พอ” (YOU’RE NOT BULLISH ENOUGH)
แม้ว่าโพสต์ดังกล่าวจะสร้างความฮือฮาในทันที แต่บริบทที่แท้จริงของการคาดการณ์นี้มีความซับซ้อนเล็กน้อย ตัวเลขคาดการณ์ที่ 15-20 ล้านล้านดอลลาร์นั้น แท้จริงแล้วมีที่มาจากความเห็นของที่ปรึกษาทำเนียบขาวรายหนึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 ซึ่งในขณะนั้นเป็นการกล่าวถึงศักยภาพของการเติบโต หากสหรัฐฯ มีกฎระเบียบที่ชัดเจนเกี่ยวกับ “Stablecoin”
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ร่างกฎหมายโครงสร้างตลาดทวีความสำคัญขึ้น ชุมชนคริปโตจึงเชื่อมโยงการคาดการณ์การเติบโตมหาศาลนี้เข้ากับความคืบหน้าล่าสุดทางกฎหมายที่กำลังเกิดขึ้นในรัฐสภา
ความเคลื่อนไหวที่เป็นรูปธรรมเกิดขึ้นในเดือนนี้ (พฤศจิกายน 2025) เมื่อคณะกรรมาธิการการเกษตรของวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้เดินหน้าร่างกฎหมายโครงสร้างตลาด ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความชัดเจนด้านกฎระเบียบที่อุตสาหกรรมรอคอยมานาน
สาระสำคัญของร่างกฎหมายนี้คือการแบ่งแยกอำนาจการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลระหว่าง คณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) และ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) อย่างชัดเจน ซึ่งจะช่วยลดความคลุมเครือที่เคยเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของสถาบันขนาดใหญ่
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้แสดงความเชื่อมั่นว่าร่างกฎหมายนี้มีโอกาสที่จะผ่านการพิจารณาภายในสิ้นปีนี้ โดยมองว่านี่คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้สหรัฐฯ รักษาความเป็นผู้นำในด้านเศรษฐกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของโลก
ในขณะที่มูลค่าตลาดคริปโตปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์ การคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตขึ้นอีกเกือบ 7 เท่าตัว ได้สร้างแรงกระเพื่อมอย่างมากในชุมชนออนไลน์ มีการตอบรับทั้งในรูปแบบของมีมที่แสดงความมั่นใจสุดขีด (Bullish memes) ควบคู่ไปกับความสงสัยจากบางส่วนที่ยังกังวลกับความผันผวนของราคา Bitcoin ในระยะนี้
ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ข่าวสารด้านกฎระเบียบจากสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนอารมณ์ของตลาดในระยะสั้น และหากความชัดเจนทางกฎหมายเกิดขึ้นจริง เป้าหมาย 20 ล้านล้านดอลลาร์ อาจไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป
ที่มา:@cryptorover

