<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

S&P ลดอันดับความน่าเชื่อถือ Tether สู่ระดับ “Weak” ชี้เงินสำรอง Bitcoin เสี่ยงทำ USDT ขาดทุนหนัก!

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

วงการคริปโตเคอร์เรนซีต้องเผชิญกับคลื่นกระแทกครั้งสำคัญ เมื่อสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำระดับโลก S&P Global ได้ประกาศปรับลดอันดับความเสถียรภาพของ Tether ( USDT) ซึ่งเป็น Stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและถือเป็นกระดูกสันหลังของตลาดคริปโตลงสู่ระดับ “Weak” (อ่อนแอ) โดยมีสาเหตุหลักมาจากความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพของสินทรัพย์สำรอง โดยเฉพาะการถือครอง Bitcoin (BTC)

รายงานของ S&P ชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อนที่น่ากังวลในโครงสร้างเงินสำรองของ Tether ที่มีมูลค่ารวมกว่า 1.84 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยระบุว่า Tether ถือครอง Bitcoin คิดเป็นสัดส่วนถึง 5.6% ของเงินสำรองทั้งหมด ในขณะที่ กันชนความปลอดภัย (Safety Buffer) หรือส่วนทุนที่กันไว้เพื่อรองรับผลขาดทุนมีเพียง 3.9% เท่านั้น

นี่หมายความว่า มูลค่าของสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงอย่าง Bitcoin นั้น มีสัดส่วนที่สูงกว่าเบาะรองรับที่เตรียมไว้ หากราคา Bitcoin ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง เช่นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต (เช่น การร่วงลงกว่า 70% ในปี 2022) จะส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์สำรองลดลงต่ำกว่ามูลค่าของ USDT ที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ หรือที่เรียกว่าภาวะ “Undercollateralized” ซึ่ง S&P ได้ระบุชัดเจนว่า สถานการณ์เช่นนี้ “อาจเกิดขึ้นได้”

การปรับลดอันดับในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความกังวลที่มีมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับความโปร่งใสของ Tether โดยในอดีต Tether เคยถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น อัยการสูงสุดรัฐนิวยอร์ก (NYAG) ที่พบว่า Tether มีเงินสำรองหนุนหลังเต็มจำนวนเพียง 27.6% ของวันที่ทำการตรวจสอบในช่วง 26 เดือน และเคยถูกปรับเงิน 41 ล้านดอลลาร์โดยคณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) จากการให้ข้อมูลที่ชวนให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับเงินสำรอง

แม้จะเผชิญกับการตรวจสอบเหล่านี้ แต่ Tether ก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าตลาดของ USDT ได้เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า นับตั้งแต่มีการตกลงยอมความในคดีดังกล่าว

รายงานของ S&P ยังชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงอื่นๆ ที่ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข เช่น การขาดการแยกสินทรัพย์ในกรณีที่บริษัทล้มละลาย, การไม่มีการตรวจสอบบัญชีแบบเต็มรูปแบบ (Full Audit) อย่างเป็นทางการ, และการไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้ดูแลสินทรัพย์และคู่สัญญา นอกจากนี้ สัดส่วนของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงในเงินสำรองยังเพิ่มขึ้นจาก 17% เป็น 24% ภายในระยะเวลาเพียง 12 เดือน

อย่างไรก็ตาม Paolo Ardoino ซีอีโอของ Tether ได้ออกมาตอบโต้รายงานดังกล่าว โดยกล่าวว่าพวกเขารู้สึก “ภูมิใจ” ที่ถูก S&P ซึ่งเป็นตัวแทนของระบบการเงินแบบดั้งเดิมมองในแง่ลบ

ด้วยปริมาณการซื้อขาย USDT ต่อวันที่สูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ และการเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ในการซื้อขายคริปโตส่วนใหญ่ การที่ USDT หลุดจากการตรึงมูลค่า (De-peg) ไม่เพียงแต่จะสร้างความเสียหายให้กับผู้ถือ USDT เท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลให้ระบบนิเวศคริปโตทั้งหมดต้องหยุดชะงัก (Paralyze)

สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ ผู้ใช้งานกว่า 500 ล้านคนในประเทศตลาดเกิดใหม่ ที่ใช้ USDT เป็นเหมือนเงินดอลลาร์สำหรับการออมและการทำธุรกรรมในชีวิตประจำวัน อาจยังไม่ทราบถึงความเสี่ยงที่ S&P ได้ชี้ให้เห็นในครั้งนี้

การทดลองทางสังคมที่ใหญ่ที่สุดในศตวรรษนี้ด้วย “เงินดอลลาร์ที่ไม่มีการควบคุม” ได้รับคำตัดสินอย่างเป็นทางการครั้งแรกแล้ว และตลาดจะเป็นผู้ให้คำตัดสินครั้งที่สองในไม่ช้า

ที่มา: @shanaka86