<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ข่าวดี Crypto? Fed อัดฉีดสภาพคล่องมหาศาล นักวิเคราะห์ชี้ อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นขาขึ้นรอบใหม่!

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตลาดการเงินเริ่มจับตาอย่างใกล้ชิด หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ดำเนินการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคารผ่านธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรข้ามคืน (Overnight Repos) มูลค่าสูงถึง 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์ ในวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นยอดการอัดฉีดที่สูงที่สุดเป็นอันดับสองนับตั้งแต่วิกฤตโควิด-19 ในปี 2020

การอัดฉีดสภาพคล่องจำนวนมหาศาลเช่นนี้ มักเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะธนาคารขนาดเล็ก กำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนเงินสดในระยะสั้นอย่างรุนแรง สถานการณ์นี้มีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในเดือนกันยายน 2019 ที่อัตราดอกเบี้ยในตลาด Repo พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากธนาคารขาดแคลนเงินสำรอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่บีบให้ Fed ต้องกลับมาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน (QE) ในเวลาต่อมา

ข้อมูลจาก FRED (Federal Reserve Economic Data) ยืนยันว่ายอดหลักทรัพย์ที่นำมาวางเป็นหลักประกันในธุรกรรม Repo ได้พุ่งขึ้นแตะระดับเกือบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนถึงความต้องการสภาพคล่องที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในระบบธนาคาร

นักวิเคราะห์มองว่า หากแรงกดดันในตลาด Repo ยังคงดำเนินต่อไป Fed อาจถูกบีบให้ต้องพิจารณาปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินไปสู่ทิศทางที่ผ่อนคลายมากขึ้น (Monetary Easing) ภายในช่วงต้นปี 2026 โดยปัจจัยทางการเมืองก็มีส่วนสำคัญ เนื่องจากวาระการดำรงตำแหน่งประธาน Fed ของ Jerome Powell จะสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม 2026 และมีความคาดหวังว่าผู้ที่จะมารับตำแหน่งต่ออาจมีแนวโน้มสนับสนุนนโยบายที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อสอดคล้องกับความต้องการของฝ่ายบริหารที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่า ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีมักจะเป็นตลาดแรกๆ ที่ตอบสนองในเชิงบวกต่อการเพิ่มขึ้นของสภาพคล่องในระบบ หาก Fed ตัดสินใจดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินจริง นี่อาจเป็นแรงส่งสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมคริปโตกลับมาคึกคักอีกครั้ง

การอัดฉีดสภาพคล่องครั้งล่าสุดของ Fed เป็นสัญญาณเตือนที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าจะนำไปสู่การทำ QE เต็มรูปแบบหรือไม่ แต่ก็บ่งชี้ว่าสภาพคล่องในระบบการเงินกำลังตึงตัว ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของนโยบายการเงินและทิศทางของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในระยะเวลาอันใกล้นี้

ที่มา: @BullTheoryio