ในช่วงแรกที่หลายบริษัทเริ่มซื้อเหรียญ Ether (ETH) เข้าไปเก็บในงบดุลของตัวเองคล้ายกับที่ทำกับ Bitcoin นักลงทุนต่างคาดหวังว่าการถือสินทรัพย์ดิจิทัลแบบนี้จะเป็นกลยุทธ์ที่แพร่หลาย แต่ภาพรวมในปัจจุบันกลับไม่เป็นไปตามที่คิด
รายงานของ Bitwise เปิดเผยว่า ในเดือนพฤศจิกายน บริษัทในกลุ่ม Digital Asset Treasury (DAT) ซื้อ ETH เพียง 370,000 ETH ซึ่งลดลงถึง 81% จากจุดสูงสุดที่เคยซื้อเกือบ 1.97 ล้าน ETH ในเดือนสิงหาคม
Bitwise มองว่า นี่เป็นสัญญาณชัดเจนว่า “เทรนด์การเก็บ ETH ในคลังสินทรัพย์บริษัท” กำลังถูกเทขายออกไป คล้ายกับวัฏจักรของ Altseason ในช่วงที่เหรียญ Altcoin ราคาพุ่ง แล้วมักจะจบลงเสมอ
Bitwise ระบุว่า การเก็บเหรียญในคลังสินทรัพย์ นี่แหละคือ Altseason ของรอบนี้ ซึ่งตอนนี้กำลังทำตามรูปแบบเดิม เนื่องจากเงินทุนก้อนเดิมในระบบ ไม่เพียงพอที่จะรองรับจำนวนโปรเจกต์ Altcoins ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมาเต็มตลาดแล้ว
กระแสการซื้อเหรียญ Ether (ETH) เข้าไปเก็บในบัญชีงบดุลของบริษัท หรือที่เรียกว่า Digital Asset Treasury: DAT เริ่มต้นอย่างจริงจังในเดือนกรกฎาคม โดยมีบริษัท Bitmine ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Tom Lee เป็นผู้นำกระแส ซึ่งปัจจุบัน Bitmine ถือครอง ETH ในมือมากกว่าบริษัทกลุ่ม DAT ที่เหลือ 68 รายรวมกันทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม โมเดลการสะสม ETH นี้ กำลังเริ่มเผชิญความท้าทาย โดยมีสัญญาณเตือนคือ Premium ของหุ้น DAT ที่ลดลง, ต้นทุนการระดมทุนที่สูงขึ้น, และความสามารถในการซื้อ ETH เพิ่มเติมที่ลดลง ส่งผลให้ผู้เล่นรายเล็ก ๆ ในกลุ่มนี้ เริ่มอยู่ได้ยากขึ้น แม้ว่าในภาพรวมปริมาณการซื้อ ETH รวมในระบบจะยังคงมากกว่าปริมาณ ETH ใหม่ที่ถูกผลิตออกมาต่อเดือน ประมาณ 80,000 ETH แต่ตลาดก็กำลังเข้าใกล้จุดที่ความต้องการซื้อและปริมาณเหรียญใหม่จะเท่ากัน
Bitwise ได้ออกมาเตือนว่า กระบวนการการขายหรือลดการถือครอง ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยชี้ว่า หากกลุ่มบริษัท Digital Asset Treasury (DAT) ยังคงลดปริมาณการซื้อ ETH อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ปริมาณ ETH ใหม่ที่เข้าสู่ตลาดยังคงเท่าเดิม แรงซื้อหลักที่เป็นเหมือน “โครงสร้างพื้นฐาน” ของตลาดจะหายไป
“ถ้าแนวโน้มการซื้อที่ลดลงนี้ ยังดำเนินต่อไป อีกไม่นานปริมาณความต้องการซื้อจะลดลงจนไม่เพียงพอต่อปริมาณ ETH ใหม่ที่ออกมาแล้ว”
Bitwise คาดการณ์ว่า ตลาดการเก็บ ETH ในงบดุลบริษัท กำลังจะเกิดการผูกขาด โดยจะเหลือผู้ชนะเพียงไม่กี่ราย และ Bitmine กำลังจะกลายเป็นผู้ชนะรายเดียวในตลาดนี้ คล้ายกับที่บริษัทใหญ่ ๆ ครองตลาด Bitcoin อยู่ในปัจจุบัน
โดยปัจจุบัน Bitmine ถือครอง ETH อยู่มากถึง 3.73 ล้าน ETH (มูลค่าราว 13,000 ล้านดอลลาร์) ซึ่งมากกว่าบริษัทคู่แข่งอย่าง SharpLink และบริษัทอื่น ๆ ที่เหลือรวมกัน
Bitwise คาดการณ์ว่า “บริษัทรายใหญ่จะยิ่งใหญ่ขึ้น” เนื่องจากพวกเขาสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายกว่า, มีความสามารถในการซื้อ ETH เพิ่มเติมได้มากกว่า, และดึงดูดนักลงทุนได้มากกว่า
ในทางตรงกันข้าม บริษัทขนาดเล็กกำลังเข้าสู่ “วงจรความล่มสลาย” (Death Spiral) ด้วยสัญญาณที่ชัดเจนคือ ระดมทุนไม่ได้, ซื้อ ETH เพิ่มไม่ได้, และ Premium ของหุ้นหดตัวลง ทำให้การระดมทุนยากขึ้นไปอีก สรุปได้ว่า ในตลาดนี้ ยิ่งบริษัทมีขนาดเล็กมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาส “ตายเร็ว” มากขึ้นเท่านั้นที่มา : dlnews

