<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

คริปโทฯ ถูกเมิน ! เอกสารความมั่นคงแห่งชาติของ “ทรัมป์” ไร้เงาคำว่า คริปโทฯ – บล็อกเชน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

แม้ว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะเคยประกาศหลายครั้งว่า ต้องการให้สหรัฐฯ เป็นศูนย์กลางของคริปโท แต่ในทางปฏิบัติ ในเอกสาร “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ” ฉบับล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ กลับไม่มีการกล่าวถึง คริปโท หรือ บล็อกเชน เลยแม้แต่คำเดียว 

ในเอกสารยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อวันศุกร์ได้เน้นย้ำถึงเรื่องที่ชาติให้ความสำคัญเป็นพิเศษว่า รัฐบาลทรัมป์กำลังมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีอื่น ๆ โดยระบุให้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ชีววิทยาเชิงเทคโนโลยี (Biotech), และควอนตัมคอมพิวติ้ง (Quantum Computing) เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของประเทศ 

ทำเนียบขาวได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า “สหรัฐอเมริกามีความต้องการที่จะเป็นผู้นำของโลก ในด้านเทคโนโลยีและมาตรฐานต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาสำคัญ ได้แก่ ปัญญาประดิษฐ์ (AI), เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech) และควอนตัม (Quantum)”

ซึ่งการที่คริปโทไม่มีชื่ออยู่ในเอกสารยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ จึงเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ และสร้างความสงสัยในวงการคริปโทอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยกล่าวกับรายการ 60 Minutes ว่า ไม่อยากให้จีนขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในเรื่องคริปโท แถมยังพูดชัดเจนว่า ต้องการให้การขุด Bitcoin ทั้งหมดมาอยู่ในสหรัฐฯ 

นอกจากนี้ ไมเคิล เอลลิส ผู้บริหารระดับสูงของ CIA ก็เคยเน้นย้ำว่า คริปโทเคอร์เรนซี เป็นสนามแข่งขันด้านเทคโนโลยี ที่สหรัฐฯ จำเป็นต้องเตรียมพร้อม เพื่อรับมือกับจีน และคู่แข่งอื่น ๆ 

ซึ่งการที่ประเด็นสำคัญนี้ กลับถูกละเลย และไม่มีการกล่าวถึงในเอกสารสำคัญฉบับนี้ จึงเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกับคำพูดที่รัฐบาลสหรัฐฯ ที่เคยแสดงออกมาก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน

ส่วนที่ถูกเน้นในเอกสารจากทำเนียบขาว ระบุว่า สหรัฐฯ จะต้อง ‘ขยายอำนาจเหนือกว่าในภาคการเงิน’ ที่มา: ทำเนียบขาว

ในเอกสารยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ มีข้อความหนึ่งที่ระบุว่า สหรัฐฯ จะรักษา “ความเป็นผู้นำระบบการเงินโลก” ผ่านการใช้ “นวัตกรรมดิจิทัล” และการสร้างความปลอดภัยของตลาด ซึ่งข้อความนี้สามารถ ตีความได้ว่า มีความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมคริปโทอยู่บ้าง แม้จะไม่ได้ระบุคำว่า คริปโทอย่างชัดเจนก็ตาม

แม้เอกสารด้านความมั่นคง จะไม่ได้กล่าวถึงคริปโท แต่ในทางปฏิบัติ รัฐบาลทรัมป์ได้ผลักดันอุตสาหกรรมคริปโทอย่างจริงจังในปีนี้ และถือเป็นรัฐบาลที่ “โปรคริปโท” มากที่สุด เห็นได้จากการดำเนินการที่ผ่านมา ได้แก่ การออกกฎหมาย GENIUS Act เพื่อควบคุม Stablecoin, การเซ็นคำสั่งให้มีการตั้งทีมงานด้านคริปโทระดับประเทศ, การสั่ง “แบน CBDC” (สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง) ของสหรัฐฯ, การสั่งให้หน่วยงานรัฐลดความเข้มงวด ในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโท, และการตั้ง Bitcoin Reserve เพื่อเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลของรัฐไว้เป็นทุนสำรอง

นอกจากนี้ เอกสารยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติยังเรียกร้องให้ประเทศสมาชิก NATO ใช้งบประมาณด้านกลาโหมเพิ่มขึ้นจาก 2% เป็น 5% ของ GDP ซึ่งการเพิ่มงบประมาณมหาศาลนี้ อาจทำให้รัฐบาลต้อง กู้ยืมเงินเพิ่มขึ้น และ ดันอัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้น ผลที่ตามมาคือ ธนาคารกลางอาจ ลดอัตราดอกเบี้ยได้ช้าลง ซึ่งเป็นการ กดดันตลาดคริปโท ให้ฟื้นตัวได้ยากยิ่งขึ้นไปอีกชั้น

โดยปัจจัยสำคัญที่สุดที่ตลาดกำลังจับตาในสัปดาห์นี้คือ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยมีการคาดการณ์จากตลาดสูงเกือบ 88.5% ว่า Fed จะตัดสินใจ ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา การลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed นั้น เป็นผลดีอย่างยิ่งต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโท ที่ทำให้ราคามักจะพุ่งสูงขึ้น

ที่มา : cointelegraph