Satoshi Nakamoto ยังคงเป็นหนึ่งในปริศนาที่เป็นตำนานที่สุดของโลกสินทรัพย์ดิจิทัล และเมื่อ 15 ปีก่อนในวันนี้ ผู้สร้าง Bitcoin ได้ทิ้งร่องรอยบนอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งสุดท้ายผ่านโพสต์ลำดับที่ 575 บนฟอรัม bitcointalk.org ก่อนจะหายตัวไปอย่างเงียบงัน
ในช่วงสุดท้ายก่อนหายไป Satoshi Nakamoto ทุ่มเทความพยายามอยู่กับ 2 ประเด็นหลักพร้อมกัน คือการเร่งเสริมความแข็งแกร่งของซอฟต์แวร์เพื่อป้องกันการโจมตีทางเทคนิค และการพยายามหลีกเลี่ยงความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นภัยคุกคามต่อโครงการที่ยังเปราะบางเกินไปในเวลานั้น
เบื้องหลังการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของ Satoshi Nakamoto
เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2010 Satoshi Nakamoto ได้หยุดการสื่อสารกับสาธารณชนผ่านฟอรัม bitcointalk.org อย่างเป็นทางการ โดยในวันเดียวกันนั้น เขาได้ปล่อยซอฟต์แวร์ Bitcoin เวอร์ชัน 0.3.19 อย่างเร่งด่วน พร้อมแนบข้อความสั้น ๆ ที่สื่อสารอย่างชัดเจนว่า แรงผลักดันได้ถูกส่งต่อแล้ว และจากนี้ไปเครือข่ายจะต้องเดินหน้าด้วยตัวเอง
สาระสำคัญของโพสต์ดังกล่าวคือ การเพิ่มมาตรการป้องกันการโจมตีแบบ DoS (Denial of Service) ในระดับเบื้องต้น พร้อมยอมรับตรงไปตรงมาว่าซอฟต์แวร์ยังคงมีความเสี่ยงสูง Satoshi Nakamoto ยังได้ลบการแจ้งเตือน “Safe mode” ชั่วคราวที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ overflow ในอดีต และเลือกปล่อยให้ข้อจำกัดด้านการ relay บางส่วนยังคงเป็นเพียงตัวเลือก และได้ระบุว่า
“ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำเกี่ยวกับ DoS แต่ผมกำลังปล่อยเวอร์ชันอย่างง่ายของสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้ เผื่อในกรณีที่จำเป็น ก่อนจะก้าวไปสู่แนวคิดที่ซับซ้อนกว่านี้”
ในช่วงเวลานั้น เครือข่าย Bitcoin ยังเปราะบางอย่างยิ่ง ผู้โจมตีที่มีทรัพยากรเพียงพอสามารถโจมตีโหนดด้วยธุรกรรมหรือข้อมูลผิดรูปจำนวนมาก ส่งผลให้ระบบทำงานหนักเกินไปและเสี่ยงต่อการเสียเสถียรภาพ
ความกังวลเรื่อง Wikileaks และสายตาของรัฐ
ก่อนหน้าการอำลาเพียงไม่กี่วัน Satoshi Nakamoto ยังได้เข้าร่วมการสนทนาในกระทู้ของ bitcointalk.org เกี่ยวกับกรณีที่ Visa, Mastercard และ PayPal ปิดกั้น Wikileaks โดยมีผู้ใช้รายหนึ่งเสนอให้สนับสนุนให้ Wikileaks ใช้ Bitcoin
ท่าทีของ Satoshi Nakamoto ต่อแนวคิดดังกล่าวแตกต่างจากปกติอย่างเห็นได้ชัด เขาคัดค้านอย่างตรงไปตรงมา โดยมองว่า Bitcoin ยังเป็นเพียงการทดลอง “Beta” ที่อาจถูกทำลายได้ หากดึงดูดความสนใจจากรัฐบาลสหรัฐฯ เร็วเกินไป โดยเขากล่าวว่า
“ไม่ อย่าทำให้มันเป็นที่สนใจ โครงการจำเป็นต้องเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ซอฟต์แวร์ได้รับการพัฒนาไปพร้อมกัน”
น้ำเสียงที่คมและจริงจังกว่าปกติสะท้อนถึงความกังวลลึกๆ ว่าการเมืองระดับโลกอาจเร่งให้การทดลองนี้ล้มเหลวก่อนเวลาอันควร
7 วันหลังจากการสนทนานั้น Satoshi Nakamoto ก็เผยแพร่โพสต์เกี่ยวกับ DoS และเวอร์ชัน 0.3.19 ซึ่งกลายเป็นการสื่อสารสาธารณะครั้งสุดท้ายของผู้สร้าง Bitcoin
จากผู้สร้างสู่การกระจายอำนาจอย่างแท้จริง
ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายเหล่านั้น Satoshi Nakamoto ไม่ได้มอง Bitcoin เป็นระบบการเงินที่ไม่มีวันพัง แต่เป็นต้นแบบที่เปราะบาง เป็นต้นกล้าที่ต้องการเวลาหลายปีในการเติบโตอย่างเงียบๆ ก่อนที่รากฐานจะแข็งแรงพอรับมือกับแรงกดดันจากโลกภายนอก
การลบการแจ้งเตือน “safe mode” และการส่งต่อบทบาทผู้นำให้กับ Gavin Andresen คือการ “ตัดสายสะดือ” อย่างตั้งใจ เพื่อผลักดัน Bitcoin ไปสู่การกระจายอำนาจ ไม่ใช่ในเชิงอุดมการณ์ แต่เพื่อความอยู่รอดของเครือข่ายเอง
ผู้สร้างอาจจากไปด้วยความไม่แน่ใจว่ามาตรการป้องกันที่วางไว้จะเพียงพอหรือไม่ แต่การหายตัวไปอาจเป็นวิธีเดียวในการดึงเป้าหมายออกจากหลังของ Bitcoin
การจากไปที่กลายเป็นรากฐาน
เมื่อมองย้อนกลับจากปัจจุบัน การหายไปของ Satoshi Nakamoto ดูไม่ใช่การถอยหนี หากแต่เป็นการตัดสินใจที่คำนวณมาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ Bitcoin เรียนรู้การยืนหยัดด้วยตัวเอง
โพสต์ลำดับที่ 575 จึงไม่ใช่เพียงการอำลา แต่คือจุดเริ่มต้นของการทดสอบครั้งใหญ่ที่สุดของเครือข่าย การพิสูจน์ว่าความยืดหยุ่นของ Bitcoin ไม่ได้เกิดจากอำนาจของผู้สร้าง แต่เกิดจากการเติบโตภายใต้การดูแลแบบกระจายอำนาจอย่างแท้จริง
Source: News.Bitcoin.com

