ในขณะที่ราคา Bitcoin ยังเผชิญกับการปรับฐานตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ข้อมูล On-chain กลับสะท้อนภาพที่แตกต่างออกไปอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อมูลจาก Glassnode ระบุว่า กระเป๋าของเจ้ามือ หรือ วาฬ Bitcoin ได้ช้อน Bitcoin เพิ่มขึ้นราว 269,822 BTC ภายในช่วง 30 วันที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 23,000 ล้านดอลลาร์ ตามราคาตลาดปัจจุบัน นับเป็นการสะสมในรอบ 30 วันที่ใหญ่ที่สุดในช่วงกว่า 13 ปีที่ผ่านมา และเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตลาดที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
เจ้ามือเลือกซื้อในช่วงปรับฐาน?
ในอดีต พฤติกรรมของวาฬมักถูกจับตามองในฐานะตัวบ่งชี้แนวโน้มระยะยาวของราคา Bitcoin การเร่งสะสมในครั้งนี้สะท้อนว่า นักลงทุนรายใหญ่จำนวนมากมองว่าระดับราคาปัจจุบันถือ “โอกาสในการสะสม”
แทนที่จะเทขายตามกระแสตลาด วาฬเหล่านี้กลับเลือกช้อนสินทรัพย์อย่างเงียบๆ ในช่วงที่ความเชื่อมั่นในตลาดเริมลดลง ซึ่งในเชิงโครงสร้าง อาจหมายถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในอนาคต มากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น
มุมมองระยะยาวเริ่มชี้ไปที่ปี 2026
สถาบันการเงินหลายแห่งมองว่าการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของ Bitcoin อาจยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ โดย Grayscale ระบุว่า Bitcoin อาจหลุดออกจากวัฏจักร 4 ปีแบบดั้งเดิม และกำลังเข้าสู่วัฏจักรใหม่ที่ยาวขึ้นราว 5 ปี ซึ่งจะทำให้จุดสูงสุดรอบถัดไปขยับไปอยู่ในปี 2026
ปัจจัยสนับสนุนมุมมองดังกล่าว ได้แก่ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อาจปรับตัวลดลง รวมถึงท่าทีด้านกฎระเบียบคริปโตของสหรัฐฯ ที่เริ่มมีความชัดเจนและเอื้อมากขึ้น
ในทิศทางเดียวกัน Bernstein คาดการณ์ว่า Bitcoin อาจมีโอกาสแตะระดับ 150,000 ดอลลาร์ในปี 2026 และขยับสู่ 200,000 ดอลลาร์ในปี 2027 หากโครงสร้างวัฏจักรระยะยาวดังกล่าวเกิดขึ้นจริง โดยมองว่าช่วงเวลาปัจจุบันเป็นเพียงการรวมตัวของราคา มากกว่าจุดสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้นในภาพใหญ่
อย่างไรก็ตาม เสียงเตือนยังคงมีอยู่
แม้ภาพระยะยาวจะดูเป็นบวก แต่ไม่ใช่ทุกสถาบันที่เห็นตรงกัน โดย Barclays เตือนว่าตลาดคริปโตอาจยังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องในปี 2026 จาก Volume ซื้อขายแบบสปอตที่ลดลง และความต้องการที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ซึ่งอาจจำกัดการปรับขึ้นของราคา แม้ว่าวาฬจะยังคงสะสมอย่างต่อเนื่องก็ตาม
ปัจจัยมหภาคยังเป็นตัวแปรชี้ชะตาในระยะสั้น
ในระยะสั้น ทิศทางของ Bitcoin อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของวาฬเพียงอย่างเดียว แต่ยังผูกพันอย่างใกล้ชิดกับปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัว และบรรยากาศการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของนักลงทุน
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เงินทุนไหลไปยังสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและเงินมากขึ้น ซึ่งอาจยังคงกดดันตลาดคริปโตต่อไป จนกว่าจะเห็นสัญญาณการชะลอตัวของเงินเฟ้อที่ชัดเจน หากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลง ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงอาจกลับมาอีกครั้ง และอาจสอดคล้องกับการสะสมเงียบ ๆ ของวาฬที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้Source: Blocknews