ตลาดนักลงทุนรายย่อยเริ่มลงทุนในปี 2025 กำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก หลังข้อมูลล่าสุดชี้ว่า โทเค็นส่วนใหญ่ที่เปิดตัวใหม่ในปีนี้มีราคาต่ำกว่ามูลค่า ณ วันที่เปิดซื้อขาย
ข้อมูลจาก Ash Liu ผู้ก่อตั้ง Momento Research แพลตฟอร์มข่าวกรองบล็อกเชน ซึ่งติดตามการเปิดตัวโทเค็น TGE จำนวน 118 โปรเจคในปี 2025 พบว่า โทเค็นถึง 100 โปรเจค หรือ 84.7% มีราคาซื้อขายต่ำกว่าราคาเปิดตัว ขณะที่การปรับตัวลงเฉลี่ยสูงถึง 71%
มีเพียง 18 โทเค็น หรือราว 15% เท่านั้นที่ยังสามารถรักษาระดับราคาไว้ได้ ส่งผลให้โปรเจคเปิดตัวใหม่เกือบ 4 ใน 5 กลายเป็นการลงทุนที่ติดลบสำหรับนักลงทุนรายย่อย
โปรเจคเปิดตัวใหม่ร่วงหนักเป็นประวัติการณ์
ในบรรดาโทเค็นที่ทำผลงานย่ำแย่ที่สุด Syndicate ร่วงลงถึง 93.64% จากราคาเปิดตัว ตามมาด้วย Animecoin, Berachain และ Bio Protocol ซึ่งต่างร่วงลงมากกว่า 93% เช่นกัน
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของตลาด TGE ซึ่งในอดีตเคยเป็นช่วงที่ราคามักพุ่งแรงหลังเปิดตัว แต่ในปี 2025 กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแรงขายอย่างต่อเนื่อง
ความเหลื่อมล้ำระหว่าง VC กับรายย่อยยังเป็นปัญหาหลัก
หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่กดดันตลาดรายย่อยคือโครงสร้างการระดมทุนของโปรเจคคริปโต โดยกองทุน VC มักเข้าลงทุนในราคาประเมินที่ต่ำกว่านักลงทุนทั่วไปหลายเท่า บางกรณีอาจต่ำกว่า 10 – 1,000 เท่า
เมื่อถึงช่วง TGE นักลงทุนรายย่อยจึงมักเข้าซื้อโทเค็นในระดับมูลค่าที่ “พุ่งไปแล้ว” ไปแล้ว ส่งผลให้เหลือพื้นที่สำหรับการปรับตัวขึ้นของราคาอย่างจำกัด
เฉพาะใน ไตรมาส 1 ปี 2025 เงินทุนร่วมลงทุนในภาคคริปโตสูงถึง 4.8 พันล้านดอลลาร์ และใน ไตรมาส 3 สตาร์ทอัพและโปรเจคคริปโตระดมทุนได้อีก 4.59 พันล้านดอลลาร์ โดยเงินทุนส่วนใหญ่ไหลไปยังโปรเจคระยะปลาย มากกว่าการเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อย
ยังมีผู้ชนะ แม้จะเป็นส่วนน้อย
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกโปรเจคจะล้มเหลวในปีนี้ โทเค็นของโปรเจค-ขนาดใหญ่หรือเครือข่ายที่มีฐานผู้ใช้งานเดิม เช่น Zora, Bedrock, Humanity และ Yooldo Games ทำผลงานได้ดีกว่าตลาด
โดยเฉพาะ Aster โทเค็นที่ได้รับการสนับสนุนจาก YZI Labs ซึ่งปรับตัวขึ้นกว่า 700% จากราคาเปิดตัว กลายเป็นหนึ่งในไม่กี่ตัวอย่างที่สวนกระแสตลาดขาลงของปี 2025

