สมรภูมิการเงินโลกเข้าสู่ภาวะที่หลายคนไม่คาดคิด เมื่อสินทรัพย์ปลอดภัยดั้งเดิมอย่างทองคำ (Gold) และแร่เงิน (Silver) พุ่งทะยานทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์อย่างพร้อมเพรียง ท้าทายกระแสสินทรัพย์ดิจิทัลที่ดูเหมือนจะเริ่มเสียจังหวะหลัง “พี่ใหญ่” อย่าง Bitcoin ยังไม่สามารถฝ่าแนวต้านสำคัญที่ระดับ 90,000 ดอลลาร์ไปได้
เช้าวันนี้ (22 ธ.ค.68) ราคาทองคำได้พุ่งทะยานขึ้นแตะ 4,391 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนราคาแร่เงินปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 68.844 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
แรงส่งมหาศาลนี้ได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ตลาดขานรับทิศทางดอกเบี้ยขาลง หลังเฟดปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เมื่อสัปดาห์ก่อน พร้อมแนวโน้มที่จะปรับลดต่อเนื่องในปีหน้า ผนวกกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และมาตรการกำแพงการค้าที่กระตุ้นให้ธนาคารกลางทั่วโลกเร่งสะสมโลหะมีค่า จนส่งผลให้ตลอดปี 2025 ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 67% สะท้อนการโยกย้ายเงินทุนกลับสู่สินทรัพย์ที่จับต้องได้
ในขณะที่โลหะมีค่าวิ่งฉิว Bitcoin กลับต้องเผชิญกับบททดสอบความแข็งแกร่งท่ามกลางแรงเทขายทำกำไรและความไม่แน่นอน โดยราคาในวันนี้ยังคงเคลื่อนไหวแบบไร้ทิศทางในกรอบ 88,000 – 89,500 ดอลลาร์ แม้จะมีความพยายามทดสอบระดับจิตวิทยาที่ 90,000 ดอลลาร์หลายครั้งตลอดเดือนธันวาคม แต่กลับยังขาดแรงส่งที่มากพอจะฝ่าไปได้
นักวิเคราะห์ประเมินว่าระดับ 93,300 ดอลลาร์ คือป้อมปราการด่านสำคัญที่หากไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ อาจเห็นการปรับฐานลงไปทดสอบแนวรับที่ 85,600 ดอลลาร์ หรือลึกที่สุดถึง 79,000 ดอลลาร์ หากความต้องการในตลาดคริปโตยังซบเซาต่อเนื่องในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนบางส่วนเริ่มกังวลว่า Bitcoin อาจกำลังสูญเสียสถานะสินทรัพย์ปลอดภัยให้กับทองคำชั่วคราว โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่เลือกปรับพอร์ตแบบลดความเสี่ยงเพื่อล็อกกำไรและปิดงบประมาณปี 2025
แม้ Bitcoin จะมีการยอมรับในวงกว้างขึ้น แต่ความผันผวนที่สูงกว่ายังคงเป็นอุปสรรคสำคัญในการก้าวขึ้นเป็น “Digital Gold” อย่างเต็มตัวในจังหวะที่โลกเผชิญความไม่แน่นอนมหาศาลเช่นนี้ หลังจากนี้คงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี จะเกิดปรากฏการณ์ “Santa Claus Rally” มาช่วยต่อลมหายใจให้ Bitcoin ฝ่าแนวต้านสำคัญได้หรือไม่ หรือทองคำจะเป็นผู้ชนะที่ครองบัลลังก์ในปีนี้ไปจนจบปี
ที่มา:Reuters