<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ญี่ปุ่นขึ้นดอกเบี้ยล้มเหลว ! เงินเยนดิ่งทุบสถิติ จับตา “Yen Carry Trade” ปั่นป่วนราคา Bitcoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

สถานการณ์เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความผันผวนอย่างหนัก แม้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะเพิ่งขึ้นดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี แต่เงินเยนกลับดิ่งลงทำสถิติต่ำสุดใหม่สวนทางกับที่คาดไว้ โดยเงินดอลลาร์พุ่งไปถึง 157.67 เยน ส่วนยูโรและฟรังก์สวิสก็พุ่งทำนิวไฮเช่นกัน 

จนล่าสุดรัฐบาลญี่ปุ่น โดยรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต้องออกมาส่งสัญญาณเตือนว่า หากค่าเงินยังเคลื่อนไหวรุนแรงเกินเหตุ ญี่ปุ่นก็พร้อมที่จะ “แทรกแซงตลาด” ทันที เพื่อรักษาเสถียรภาพ

นักวิเคราะห์ประเมินว่า หากเงินดอลลาร์ขยับเข้าใกล้ระดับ 160 เยน รัฐบาลและ BOJ มีโอกาสสูงมากที่จะก้าวเข้ามาดำเนินการอย่างเหมาะสม เหมือนที่เคยทุ่มเงินกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ เข้าแทรกแซงเมื่อปีที่แล้ว บรรยากาศในตอนนี้จึงเต็มไปด้วยความตึงเครียด เพราะนักลงทุนต่างเฝ้าระวังว่า ญี่ปุ่นจะลงมือแทรกแซงจริงเมื่อไหร่

เหตุการณ์ที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง สวนทางกับการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ครั้งนี้ มีสาเหตุหลักมาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ ประการแรกคือ ปรากฏการณ์ “รับข่าวไปหมดแล้ว” (sell the news) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์เรื่องการขึ้นดอกเบี้ยไว้ล่วงหน้าเกือบ 100% เมื่อมีการประกาศจริงจึงเกิดแรงเทขายทำกำไรทันที 

ประการต่อมาคือ เรื่อง “ดอกเบี้ยที่แท้จริงยังติดลบ” แม้จะขึ้นดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 0.75% แต่เมื่อหักลบกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงถึง 2.9% ผลตอบแทนที่แท้จริงของญี่ปุ่นก็ยังติดลบหนักถึง -2.15% ซึ่งต่างจากสหรัฐฯ ที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก ทำให้นักลงทุนยังคงเลือกกู้เงินเยนไปลงทุนในสินทรัพย์ดอลลาร์เพื่อกินส่วนต่าง (Yen Carry Trade) ต่อไป

ปัจจัยสุดท้ายคือ “ท่าทีที่คลุมเครือของผู้ว่าฯ BOJ” โดยนายคาซูโอะ อูเอดะ ได้ส่งสัญญาณในงานแถลงข่าวว่า ยังไม่มีแผนชัดเจนที่จะขึ้นดอกเบี้ยต่อในเร็ว ๆ นี้ และไม่ได้ให้ความสำคัญกับการที่ดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปีมากนัก ท่าทีที่ดูไม่รีบร้อนนี้ ทำให้ตลาดเชื่อว่า ญี่ปุ่นจะยังไม่ขยับดอกเบี้ยเพิ่มอีกนาน ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น และตัดสินใจเทขายเงินเยนออกมาอย่างต่อเนื่องจนค่าเงินดิ่งลงอย่างที่เห็น

สถานการณ์ของญี่ปุ่นในขณะนี้ถูกมองว่า กำลังติด “กับดักเชิงโครงสร้าง” ที่แก้ยาก โดย โรบิน บรูคส์ จาก Brookings วิเคราะห์ว่า ญี่ปุ่นกำลังฝืนกฎธรรมชาติทางการเงิน เพราะมีหนี้สาธารณะสูงถึง 240% ของ GDP แต่กลับพยายามกดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ต่ำเกินจริง ด้วยการให้ธนาคารกลาง (BOJ) เข้าไปกว้านซื้อพันธบัตรมหาศาลเพื่อพยุงตลาดไว้ ซึ่งมันไม่สมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับประเทศที่มีหนี้ต่ำกว่ามาก จนถูกเปรียบเทียบว่า ค่าเงินเยนในตอนนี้อ่อนแอลงในระดับเดียวกับเงินลีราของตุรกีไปแล้ว

โรบิน บรูคส์ กล่าวเสริมว่า ญี่ปุ่นกำลังเดินมาถึงทางตัน ที่ต้องเลือกระหว่าง “ปล่อยให้ค่าเงินเยนพังทลายลงไป” หรือ “ยอมปล่อยให้เกิดวิกฤตหนี้สาธารณะ” จากการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อพยุงค่าเงิน 

ยิ่งไปกว่านั้น นโยบายของรัฐบาลที่ยังคงเดินหน้าอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ ด้วยการใช้เงินเยอะ ยิ่งซ้ำเติมให้สถานการณ์แย่ลง เพราะมันสวนทางกับความพยายามของธนาคารกลางที่อยากทำให้ค่าเงินนิ่ง กลายเป็นความขัดแย้งเชิงนโยบายที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นไปอีก

ในระยะสั้น การอ่อนค่าของเงินเยน เปรียบเหมือนการช่วย ‘ต่อลมหายใจ’ ให้กับตลาดทั่วโลก เนื่องจาก ทำให้กลไก Carry Trade หรือการกู้ยืมเงินเยนที่มีดอกเบี้ยต่ำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ยังคงดำเนินต่อไปได้โดยไม่หยุดชะงัก 

สถานการณ์นี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นตอบรับในเชิงบวกอย่างรุนแรง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร ที่ราคาพุ่งสูงขึ้นถึง 40% ขณะที่กลุ่มบริษัทส่งออกก็ได้อานิสงส์จากค่าเงิน จนกำไรเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนทันที

ในส่วนของสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ แร่เงิน (Silver) กลายเป็นดาวเด่นที่ทำผลงานได้อย่างร้อนแรงที่สุด โดยราคาพุ่งทะยานทำสถิติใหม่และให้ผลตอบแทนสูงถึง +134% นับจากต้นปี 

ขณะที่ราคาทองคำเองก็ยังคงรักษาความแข็งแกร่งและยืนอยู่ในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนกำลังแห่เข้าถือครองโลหะมีค่า เพื่อกระจายความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจเข้า ‘แทรกแซงค่าเงิน’ หรือธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศ ‘ขึ้นดอกเบี้ย’ แบบกะทันหัน จะส่งผลให้เงินเยนดีดตัวแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วทันที ซึ่งจะกลายเป็นชนวนเหตุให้นักลงทุนทั่วโลกพากันเทขายสินทรัพย์ทุกอย่าง เพื่อรีบนำเงินกลับไปใช้หนี้เยนและอาจกลายเป็นความโกลาหลระลอกใหญ่ที่ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกร่วงหนักได้

หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เหมือนเหตุการณ์ในเดือนสิงหาคม 2024 ที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เคยทำให้ตลาดช็อกด้วยการขึ้นดอกเบี้ยแบบไม่ทันตั้งตัว จนหุ้นญี่ปุ่นดิ่งลงถึง 12% ในวันเดียว ตลาดหุ้นทั่วโลกและ Bitcoin ก็มีความเสี่ยงที่ราคาจะร่วงหนักตามไปด้วย 

โดยสถิติที่ผ่านมา ระบุชัดว่า ทุกครั้งที่ญี่ปุ่นขึ้นดอกเบี้ยทั้ง 3 รอบนั้น ราคา Bitcoin มักจะร่วงแรงถึง 20-31% เสมอ นักลงทุนจึงต้องระวังให้ดีว่า กำไรที่เห็นอยู่ในตอนนี้อาจจะมลายหายไปในพริบตา หาก ‘ระเบิดเวลา’ ของเงินเยนถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง

ค่าเงินเยนระดับ 160 เยนต่อดอลลาร์ จึงถูกมองว่า เป็น “เส้นตาย” สำคัญที่รัฐบาลญี่ปุ่นอาจทนไม่ไหว แม้ตลาดจะคาดว่า ค่าเงินจะปิดปีที่แถว 155 เยน แต่หากสถานการณ์เปลี่ยน จนราคาค่าเงินเยนทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 158 หรือ 158.88 เยน ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมขึ้นไปได้ ทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็มีแนวโน้มจะเข้าแทรกแซงตลาด เพื่อซื้อเงินเยนคืนทันทีเมื่อแตะระดับ 160-161 เยน