<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ก.ล.ต. เปิดแผนปราบ “ทุนเทา” ครบวงจร สกัดฟอกเงิน–บัญชีม้า ไม่ให้แทรกซึมตลาดทุนและคริปโต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

“ทุนเทา” เรียกได้ว่า เป็น “ปัญหาเชิงซ้อน” เพราะมีหลายมิติทับซ้อนกันอยู่ ตั้งแต่บัญชีม้า การหลอกลวงประชาชน ธุรกิจผิดกฎหมาย เงินสีเทา และการฟอกเงิน ซึ่งนับวันจะยิ่งมีความซับซ้อนและแยบยลมากขึ้น ดังนั้นการมองปัญหาทุนเทาแบบแยกส่วนและการจัดการแบบต่างคนต่างทำ คงไม่สามารถขุดรากถอนโคนไปถึงต้นตอปัญหาได้ ทำให้ต้องมองอย่างรอบด้าน และแก้ปัญหาทุกจุดไปพร้อม ๆ กัน

ก.ล.ต. ได้เห็นปัญหา และขับเคลื่อนอย่างเต็มกำลังมาตลอดและต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา ก.ล.ต. ทำงาน “เชิงรุก” ทั้งการป้องกัน ป้องปราม และปิดกั้น โดยให้ความสำคัญกับปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ รวมทั้งการสกัดกั้นไม่ให้ทุนเทาใช้ตลาดหุ้นและตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นแหล่งสนับสนุนธุรกิจผิดกฎหมาย และการฟอกเงิน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ช่องทาง ผ่านผู้ประกอบธุรกิจตัวกลาง การเข้ามาครอบงำกิจการโดยอาศัย “นอมินี” หรือเปิดบริษัทบังหน้า หรือซ่อนตัวอยู่ภายใต้โครงสร้างผู้ถือหุ้นที่ซับซ้อน 

นอกจากนี้ ก.ล.ต.  ยังยกระดับความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อสอดรับกับแนวนโยบายในการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งเป็น “วาระแห่งชาติ”  

สกัดกั้นเส้นทางเดินของทุนเทา

เนื่องจากผู้ประกอบธุรกิจตัวกลาง ทั้งผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (บล.) และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผู้มีบทบาทสำคัญ และเป็นตัวกลางที่ให้บริการลงทุนในผลิตภัณฑ์การลงทุนต่าง ๆ ก.ล.ต. จึงให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลตัวกลางดังกล่าวเพื่อให้ความคุ้มครองแก่ผู้ลงทุน และป้องกันไม่ให้ธุรกิจหลักทรัพย์และ
ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลถูกใช้เป็นช่องทางการกระทำผิด 

จึงมีกฎเกณฑ์ที่กำหนดให้ บล. และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องทำกระบวนการทำความรู้จักตัวตนของลูกค้า (KYC) และการตรวจสอบ เพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (CDD) และหากลูกค้าปฏิเสธการให้ข้อมูล มีข้อมูลไม่เพียงพอ ไม่เป็นปัจจุบัน จนไม่สามารถระบุตัวตนได้ ผู้ประกอบธุรกิจฯ ต้อง ปฏิเสธการให้บริการ” หรือในกรณีสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการจัดกลุ่มลูกค้าตามความเสี่ยง เพื่อจำกัดวงเงินในการถอนทรัพย์สินต่อวันอยู่แล้ว 

ในปี 2568 ได้มีการยกระดับการดำเนินการโดย ก.ล.ต. ร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (TDO) ได้จัดทำมาตรการ และออกมาตรฐานการป้องกันและจัดการบัญชีม้าของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Industry Standards ที่เทียบเคียงได้กับการจัดการบัญชีม้าของภาคธนาคาร เช่น หากพบเหตุอันควรสงสัยว่า ลูกค้าอาจเป็น “บัญชีม้า” ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องระงับการให้บริการ หรือดำเนินการตรวจสอบเชิงลึก (Enhanced Due Diligence: EDD) โดยทันที (ณ สิ้นเดือน พ.ย. 68 ได้ระงับบัญชีม้าไปแล้ว 45,476 บัญชี)  

รวมถึงออกหลักเกณฑ์กำหนดมาตรฐาน และมาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ร่วมรับผิดชอบความเสียหาย (shared responsibility) หากละเลยไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดจนเป็นเหตุให้ลูกค้าได้รับความเสียหายตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกัน
และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568  รวมทั้งเพื่อเป็นการตัดวงจรเส้นทางเดินของทุนเทาที่อาศัยช่องทางของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศ จึงมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อปิดกั้น website/application ของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต่างประเทศที่ชักชวน
ผู้ลงทุนไทยไปใช้บริการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น (ไม่ต้องยื่นคำขอต่อศาล) 

และแม้ว่าที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้มีการตรวจสอบ บล. และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีทั้งเข้าตรวจตามรอบระยะเวลาที่กำหนด แต่เมื่อปรากฏเหตุ และหรือเป็นข่าวสาธารณะ และพิจารณาแล้วเห็นว่า อาจมีประเด็นเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมายหลักทรัพย์ หรือกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล ก.ล.ต.ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ประสานกับบริษัทที่เกี่ยวข้อง ขอทราบข้อมูลและคำชี้แจง เพื่อนำไปสู่การดำเนินการตรวจสอบที่เกี่ยวข้องต่อไป 

ขณะนี้ ก.ล.ต. จึงอยู่ระหว่างการตรวจสอบ บล. และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และพร้อมบังคับใช้กฎหมายหากมีการฝ่าฝืนเกี่ยวกับมาตรฐานในการทำ KYC และ CDD ด้วย 

นอกจากนี้ จะมีการสื่อสารความคาดหวังร่วมกับ ปปง ต่อ บล. และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เกี่ยวกับการทำ KYC และ CDD โดยกรณีที่เป็นลูกค้าในกลุ่ม “ต้องจับตามองเป็นพิเศษ” หรือมีพฤติกรรมต้องสงสัย ต้องเพิ่มความเข้มข้นในการทําความรู้จักตัวตนของลูกค้า (enhanced KYC/CDD) ด้วยเพื่อให้แน่ใจว่า เป็น “ลูกค้าตัวจริง” รวมทั้งเน้นย้ำหน้าที่ของ บล. และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องการติดตามธุรกรรมและรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย (Suspicious Transaction Report) ให้ ปปง. ตามกฎหมายฟอกเงิน 

ยกระดับยับยั้งทุนเทาในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

แม้ว่าปัจจุบัน ก.ล.ต. กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องจัดทำรายงานธุรกรรมของลูกค้าอย่างครอบคลุม ทั้งธุรกรรมการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Trading) ธุรกรรมการฝาก–ถอนเงินบาท ผ่านบัญชีธนาคาร หรือช่องทางการชำระเงิน และธุรกรรมการฝาก–ถอนสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล ( wallet) หรือการโอนระหว่างกระเป๋าเงินของลูกค้า โดยข้อมูลดังกล่าวต้องถูกบันทึกและตรวจสอบผ่านระบบ e-Reporting ที่พัฒนาโดย ก.ล.ต. ซึ่งทำหน้าที่เป็นโครงสร้างข้อมูลกลางที่มีมาตรฐานเดียวกัน 


ช่วยให้สามารถกำกับดูแล ติดตาม ตรวจสอบ และเชื่อมโยงข้อมูลผู้ทำธุรกรรมกับรายละเอียดการทำธุรกรรมได้ แต่ด้วยบริบทในปัจจุบัน ก.ล.ต. ยังมีแนวคิดที่จะปรับปรุงการรายงานข้อมูลของลูกค้าให้สอดคล้องกับ แนวทางการกำกับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของกระทรวง DE เช่น การมีข้อมูล location และ destination ของการทำธุรกรรม ซึ่งจะช่วยทำให้รู้ พื้นที่ต้องสงสัยที่มีธุรกรรมหรือเพื่อติดตามเส้นทางธุรกรรม เป็นต้น

ก.ล.ต. ยังได้มีการหารือกับ ปปง. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาโดยตลอดเพื่อเร่งผลักดันและพร้อมสนับสนุน ปปง. ในการออกเกณฑ์ Travel Rule เพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถติดตามตรวจสอบเส้นทางเงินได้เช่นเดียวกับสถาบันการเงินประเภทอื่นในการทำธุรกรรมโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์  

ทั้งนี้ ก.ล.ต. เชื่อว่า เกณฑ์ Travel Rule ที่ออกตามกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จะเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดย ก.ล.ต.
พร้อมกำหนดหน้าที่ให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลปฏิบัติตามเกณฑ์ Travel Rule และต้องให้ความร่วมมือกับ ปปง. อย่างเต็มที่ เมื่อ ปปง. มีการติดตาม ยึดอายัด และนำสินทรัพย์มาคืนให้ผู้เสียหาย

นอกจากนี้ ก.ล.ต. และกระทรวง DE ได้มีการหารือร่วมกันและอยู่ระหว่างเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล (forensic tool) ของ ก.ล.ต. เองด้วย

สกัดทุนเทาครอบงำกิจการ

สำหรับบริษัทจดทะเบียน ปัจจุบันกฎหมาย และกฎเกณฑ์กำหนดให้ต้องเปิดเผยโครงสร้างการถือหุ้นอย่างชัดเจน และเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 รายแรก รวมทั้งเปิดเผย “กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีอิทธิพลในการกําหนดนโยบายและการจัดการ” ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนตรวจสอบได้ว่า ใครเป็น “เจ้าของตัวจริง” (Ultimate Beneficial Owner : UBO) 

นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นยังมีหน้าที่รายงานการถือหุ้น และการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่ง ก.ล.ต. มีการตรวจสอบการทำหน้าที่ของผู้ถือหุ้น กรรมการและผู้บริหารอย่างเข้มข้น และดำเนินการตามกฎหมายเมื่อพบการกระทำผิด

อย่างไรก็ดี เมื่อ ก.ล.ต. พบประเด็นที่ต้องตรวจสอบเชิงลึก กรณีที่อาจฝ่าฝืนหน้าที่รายงานการถือหุ้น และการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) ซึ่งแม้ว่ากระบวนการบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และต้องดำเนินการในทางลับเพื่อมิให้กระทบกับพยานหลักฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อมูลที่จำเป็นอยู่ในหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ แต่ ก.ล.ต. ดำเนินการอย่างเต็มที่ในการใช้กลไกที่มีอยู่เพื่อหารือและทำการขอข้อมูลเพื่อนำมาขยายผลการตรวจสอบรายงานการถือหุ้นและการครอบงำกิจการ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวนี้ ก.ล.ต. มีการเร่งหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด  

นอกจากนี้ ด้วยบริบทปัจจุบันที่มีการจัดโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่ซับซ้อนขึ้นทั้งใน ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และบริษัทจดทะเบียน  ดังนั้น เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสกัดกั้นเงินเทาถูกครอบงำโดยกลุ่มทุนเทา ก.ล.ต. จะเสนอแก้ไขประกาศกระทรวงการคลัง โดยปรับนิยามผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของผู้ประกอบธุรกิจฯ ให้ครอบคลุมถึง “บุคคลผู้มีอำนาจควบคุมเหนือผู้ประกอบธุรกิจหรือหุ้นของผู้ประกอบธุรกิจ” เพื่อให้รู้ว่า ใครเป็นเจ้าของตัวจริงได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าผู้ประกอบธุรกิจฯ รายนั้นจะมีโครงสร้างผู้ถือหุ้นซับซ้อนแค่ไหนก็ตาม 

จากปัจจุบันที่มีการกำหนดให้เปิดเผยผู้ถือหุ้นที่มีสัดส่วนการถือหุ้นเกิน 10% (ทั้งทางตรงและทางอ้อม) และในกรณีบริษัทจดทะเบียน แม้ ก.ล.ต. พิจารณา UBO ได้ตามกฎหมายหลักทรัพย์ในเรื่องการครอบงำกิจการอยู่แล้ว แต่ ก.ล.ต. พร้อมสนับสนุนและร่วมมือกับ ปปง. ในการเสนอแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปราม
การฟอกเงินในส่วนของการรายงานข้อมูลผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงด้วย  

ความร่วมมือและการบูรณาการข้อมูลร่วมกัน  

ไม่เพียงแต่สกัดกั้นทุนเทาตลอดเส้นทาง และสาวไปถึง “ผู้อยู่เบื้องหลัง” และ ก.ล.ต. ยังมีมาตรการป้องกันภัยหลอกลงทุนในเชิงรุก เพื่อลดช่องทางการหลอกลงทุนประชาชน โดยการประสานงานกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มในการปิดกั้นการหลอกลงทุน (สามารถปิดกั้นได้ภายใน 7 นาที – 48 ชั่วโมง) และเตรียมขยายความร่วมมือ เช่น การพัฒนาความร่วมมือ เพื่อปิดกั้นบัญชีที่แอบอ้างหน่วยงาน หรือผู้ประกอบธุรกิจในการหลอกลงทุน โดยไม่ต้องรอการแจ้งจากผู้เสียหาย และการตรวจสอบเพื่อยืนยันตัวตนก่อนเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้ร่วมมือกับกระทรวง DE ปิดกั้นเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันสินทรัพย์ดิจิทัลต่างประเทศที่เข้าข่ายประกอบธุรกิจที่ไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสกัดกั้นช่องทางการฟอกเงิน ซึ่งช่วยป้องกันปัญหาการฟอกเงินผ่าน P2P ได้ 

ในการจัดการกับ “ทุนเทา” ที่อาศัยตลาดหุ้น และตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก.ล.ต. ไม่สามารถทำได้โดยลำพัง ต้องอาศัย “ความร่วมมืออย่างใกล้ชิด” จากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวง DE ปปง. และ ธปท. รวมทั้งคณะทำงาน Connect the Dots ในการบูรณาการข้อมูล เชื่อมโยงภาพรวมธุรกรรมการเงินและสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินในเชิงลึก ทั้งเงินสด หุ้น สินทรัพย์ดิจิทัล และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมทั้งจะมีการขับเคลื่อนร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นเงินเทาต่อไปด้วย

นอกจากการประสานความร่วมมือในประเทศแล้ว ก.ล.ต. ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานกํากับดูแลตลาดทุนต่างประเทศ ในการขยายผลการตรวจสอบรายงานการถือหุ้น และการครอบงํากิจการ

แม้ว่าปัญหาทุนเทาจะไม่สามารถจัดการได้ภายในข้ามคืน และบางเรื่องอาจดูเหมือนไม่มีความคืบหน้า ล่าช้า ไม่ทันใจ เป็นเพราะหลายเรื่องที่ “กำลังทำอยู่” ยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ จนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการ แต่ยืนยันได้ว่า ก.ล.ต. รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอาจริงกับปัญหาทุนเทาและกัดไม่ปล่อยแน่นอน

ท้ายที่สุดนี้ ก.ล.ต. อยากให้ความมั่นใจว่า ปัญหาทุนเทาที่เกิดขึ้น ถึงแม้บั่นทอนความเชื่อมั่นในบางจุด แต่การเห็นปัญหา และมีความร่วมมือแก้ไขภายใต้การมีธรรมภิบาลของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตลาดทุนไทยจึงไม่ได้เทาแบบที่กังวล และข้อเท็จจริงคือตลาดทุนไทยยังคงเป็นกลไกสำคัญของการระดมทุน และการออมที่สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดย ก.ล.ต. ยังคงเดินหน้าเต็มกำลังในการดูแลตลาดทุน เพื่อให้คุณมั่นใจ