<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

5 เทรนด์คริปโตปี 2026 ที่ต้องจับตา Stablecoins-DeFi จ่อพลิกโฉมตลาด 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปี 2026 กำลังใกล้เข้ามา พร้อมกับความท้าทายใหม่ ๆ เมื่อวัฏจักร 4 ปีของ Bitcoin ที่เราคุ้นเคยเริ่มส่งสัญญาณเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ แม้ภาพรวมตลาดจะได้รับการยอมรับมากขึ้นจากการเข้ามาของนักลงทุนสถาบันและภาครัฐทั่วโลก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสินทรัพย์ทุกตัวจะปรับตัวขึ้นเหมือนในอดีต 

บทความนี้จะพาทุกท่านไปเจาะลึกมุมมองผู้เชี่ยวชาญจาก CakeWallet และ SynFutures ว่าในปี 2026 คริปโตหมวดหมู่ไหนหรือเทรนด์ใดบ้างที่เป็นของจริงและควรค่าแก่การจับตามอง

1. คริปโตกลายเป็นเงินที่ใช้จริงในชีวิตประจำวัน

หนึ่งในสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดของการนำคริปโตมาใช้งานจริงคือ บทบาทที่เพิ่มขึ้นในฐานะเงินสำหรับใช้จ่ายในแต่ละวัน โดยเฉพาะในภูมิภาคที่ระบบการเงินแบบดั้งเดิมไม่น่าเชื่อถือหรือเข้าถึงได้ยาก เช่น ประเทศที่ด้อยพัฒนาและประเทศกำลังพัฒนา

Seth for Privacy รองประธาน CakeWallet อธิบายว่า ในภูมิภาคเหล่านี้ คริปโตมักจะเติมเต็มช่องว่างที่เกิดจากเงินเฟ้อ การควบคุมเงินทุน หรือโครงสร้างพื้นฐานทางธนาคารที่อ่อนแอซึ่ง Stablecoins ช่วยให้ผู้คนสามารถถือครองมูลค่าในสกุลเงินที่ไม่เสื่อมค่าอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งโอนย้ายได้ง่าย ตัวอย่างเช่น ผู้คนในนิการากัวสามารถใช้ USDT เพื่อเก็บรักษาความมั่งคั่งและจ่ายค่าใช้จ่ายที่จำเป็นจริง ๆ ได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว

ในขณะเดียวกัน สินทรัพย์ดิจิทัลที่มูลค่าไม่ได้ยึดติดกับเงินตราปกติอย่าง Bitcoin ก็เริ่มได้รับการยอมรับในฐานะสื่อกลางในการชำระเงินมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสะท้อนผ่านจำนวนร้านค้าที่เปิดรับชำระด้วยคริปโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน

2. บทบาทของ Stablecoins ในการสร้างผลตอบแทนและการชำระเงิน

แม้ว่า Stablecoins จะเชื่อมโยงกับตลาดเกิดใหม่มานาน แต่บทบาทของมันกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดย Seth กล่าวว่า หลายคนมองข้ามประโยชน์ของ stablecoins เพราะสามารถเข้าถึงธนาคารและเงินเฟียตได้ง่าย อย่างไรก็ตามการรับรู้นี้อาจเปลี่ยนไปเมื่อผู้ใช้เริ่มเปรียบเทียบความเร็วและความเรียบง่ายของการโอนเหรียญ stablecoins กับระบบการเงินแบบดั้งเดิม

Wenny Cai ซีโอโอของ SynFutures เสริมว่า “Stablecoins กำลังกลายเป็นเลเยอร์พื้นฐานของตลาด DeFi และตลาดฟิวเจอรส์ และแทนที่ผู้ใช้จะพักเงินเอาไว้เฉยๆ ในบัญชีเหมือนในอดีต พวกเขาจะเริ่มนำมันมาหารายได้มากขึ้นจากช่องทางต่างๆ เช่น DeFi  

3. เหรียญที่มีกรณีใช้งานจริง นักลงทุนจงใจที่จะลงทุนไม่ได้แค่เก็งกำไร

เมื่อตลาดคริปโตเริ่มเติบโตเต็มที่ พฤติกรรมผู้ใช้ก็เปลี่ยนไปด้วย แทนที่จะไล่ตามการเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้น ผู้ใช้หลายคนมุ่งเน้นไปที่การใช้คริปโตในรูปแบบที่มีการควบคุมและมีเป้าหมายมากขึ้น โดย Seth กล่าวว่า

“เมื่อการเก็งกำไรลดลงและราคามีเสถียรภาพ เราจะเห็นการเติบโตอย่างมหาศาลในการใช้คริปโตเพื่อจ่ายค่าสินค้าและบริการจริง ๆ”  

ขณะเดียวกัน Cai เผยว่าแนวโน้มของผู้ใช้งานรายย่อยในปี 2026 กำลังเปลี่ยนทิศทางไปสู่การบริหารจัดการเงินทุนเชิงรุก มากกว่าการเก็งกำไรแบบตั้งรับ แทนที่จะมีการซื้อและถือเหรียญจำนวนมาก จะกลายเป็นการถือเฉพาะสินทรัพย์หลักๆ และใช้เครื่องมือเข้าช่วยแทน เช่น Leverage และการ Hedge

4. การผนวก DeFi เข้ากับ TradFi

ถัดมา การเปิดรับคริปโตในปี 2026 จะไม่ได้เป็นเรื่องของชาวคริปโตกลุ่มเล็กๆ อีกต่อไป เพราะบัดนี้มันได้แพร่กระจายไปทั่วโลก และเริ่มหยั่งรากไปยังภาคธุรกิจ รวมไปถึงสถาบันการเงิน ที่แต่ละส่วนก็มีความต้องการใช้งานที่ต่างกันออกไป

สำหรับสิ่งที่ปีหน้าจะแตกต่างออกไป Seth อธิบายว่าคือ “ความพร้อม” เพราะในปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐานนั้นพัฒนาขึ้นอย่างมาก มีความมั่นคงขึ้น และรองรับการทำธุรกรรมได้จำนวนมากทำให้ คริปโตเป็นมากกว่าแค่การทดลอง 

ขณะเดียวกัน ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นได้ส่งผลทำให้ตลาดคริปโตสามารถนำสินทรัพย์บนโลกแห่งความเป็นจริง (RWA) เข้ามาอยู่ในโลกของบล็อกเชนได้ด้วยการแปลงเป็นโทเคน (Tokenization) ซึ่งภาคส่วนนี้เป็นเซคเตอร์ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากและคาดว่าจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับทำรายได้อย่างมหาศาล

5.แพลตฟอร์มที่ทำให้คริปโตใช้งานง่ายขึ้น

ประเด็นสุดท้ายอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับหมวดหมู่ของเหรียญเท่าไร แต่ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องจับตามอง เพราะแพลตฟอร์มที่สามารถทำให้คริปโตกลายเป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องฝึกฝนจะน่าสนใจสักเพียงไหน

เป็นเวลานานมากแล้วที่สิ่งต่างๆในโลกของคริปโตถูกสร้างโดยพวกเนิร์ดเพื่อพวกเนิร์ด มันคงถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการสร้างบางอย่างในโลกคริปโตเพื่อให้ทุกคนใช้งานเพราะทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว เหลือเพียงแค่การดึงคนเข้ามาเพิ่มเท่านั้น

ที่มา : Beincrypto