<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สัญญาณเตือนจากตลาดแรงงาน! ยอดผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องสหรัฐฯ พุ่งแตะ 1.923 ล้านราย

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

(24 ธ.ค. 2025) – ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจส่งท้ายปีที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่ง ก็เริ่มมีรอยปริแยกให้เห็นในตลาดแรงงานสหรัฐฯ เมื่อกระทรวงแรงงานได้เปิดเผยข้อมูลล่าสุดที่สร้างความกังวลเล็กน้อยให้กับนักวิเคราะห์ โดยตัวเลข “ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง” ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ธันวาคม ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.923 ล้านราย เพิ่มขึ้นถึง 38,000 รายจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 1.885 ล้านราย ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์หลายสำนัก

ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการต่อเนื่องนี้ถือเป็นมาตรวัดสำคัญที่สะท้อนถึง “ความยากลำบากในการหางานใหม่” ของชาวอเมริกัน การที่ตัวเลขนี้ขยับสูงขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุด อาจบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานเริ่มมีอาการอ่อนตัวลง แม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้นวิกฤตเมื่อเทียบกับช่วงพีคของการระบาดใหญ่ หรือหากเทียบกับจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ที่เคยทำไว้ราว 1.3 ล้านรายในช่วงกลางปี 2025 แต่ทิศทางขาขึ้นนี้ก็เป็นสิ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่แท้จริง

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของตลาดแรงงานยังมีความขัดแย้งในตัวเอง เพราะในขณะที่ยอดผู้ขอต่อเนื่องเพิ่มขึ้น แต่ตัวเลข “ผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก” กลับลดลงอย่างน่าประหลาดใจเหลือเพียง 214,000 ราย ซึ่งสะท้อนว่าการ “ปลดคนงานใหม่” ไม่ได้รุนแรงอย่างที่กลัวกัน แต่ปัญหาอาจอยู่ที่คนที่ตกงานไปแล้วกำลังใช้เวลาหางานใหม่นานขึ้นกว่าเดิม

ข้อมูลทางเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯ (NBER) เคยมีบทวิเคราะห์ระบุว่า หากตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างยั่งยืนและติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลกระทบให้การเติบโตของ GDP ชะลอตัวลงได้ราว 0.5-1% ต่อไตรมาส ซึ่งข้อมูลชุดนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยของ Fed ในการประชุมนัดแรกของปี 2026 ว่าจะเลือกประคองเศรษฐกิจ หรือยังคงเน้นปราบเงินเฟ้อต่อไป

สำหรับนักลงทุน ตัวเลขนี้อาจถูกมองในแง่ดี ได้ในระยะสั้น เพราะสัญญาณตลาดแรงงานที่เริ่มแผ่วลง อาจเป็นแรงกดดันให้ Fed จำเป็นต้องพิจารณาลดดอกเบี้ยเร็วขึ้นในปีหน้าเพื่อพยุงการจ้างงาน ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นและคริปโทเคอร์เรนซีที่มักจะได้รับอานิสงส์จากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย

ที่มา: @Investingcom