<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ปี 2026 โลหะเงินพุ่งแรง ! คำทำนายระบุแซงทองคำและ Bitcoin พร้อมเป้า $87

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หากปี 2025 คือปีแห่งการหักปากกาเซียน ปีหน้า 2026 อาจเป็นปีที่นักลงทุนต้องรื้อตำราจัดพอร์ตกันใหม่หมด แม้สปอตไลท์ส่วนใหญ่จะฉายไปที่ทองคำและ Bitcoin แต่ความจริงที่เกิดขึ้นคือ “โลหะเงิน” (Silver) ได้ก้าวขึ้นมาเป็นสินทรัพย์ที่ทำผลงานได้ดีที่สุด โดยสามารถเอาชนะสินทรัพย์ตัวอื่นได้อย่างขาดลอย

การพุ่งขึ้นของ Silver ไม่ได้เกิดจากการเก็งกำไรเพียงอย่างเดียว แต่สะท้อนถึงการบรรจบกันของปัจจัยมหภาค ความต้องการในภาคอุตสาหกรรมที่พุ่งสูง และแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า แรงส่งนี้อาจยืดเยื้อไปจนถึงปี 2026 พร้อมเป้าหมายราคาถัดไปที่สูงถึง $87 ต่อทรอยออนซ์

เมื่อกางตัวเลขผลประกอบการในปี 2025 จะพบความจริงที่น่าตกใว่า ในช่วงปลายเดือนธันวาคม ราคาโลหะเงินมีการซื้อขายอยู่เหนือ $71 ต่อทรอยออนซ์ พุ่งขึ้นกว่า 120% จากต้นปี ซึ่งเคยอยู่ที่เพียง $29 ต่อทรอยออนซ์ เท่านั้น

ขณะที่พี่ใหญ่อย่างทองคำ แม้จะทำผลงานได้ดีด้วยการปรับตัวขึ้นราว 60% จาก $2,800 สู่ระดับเหนือ $4,400 ต่อทรอยออนซ์ แต่ก็ยังถือว่าตามหลังโลหะเงินอยู่เกือบเท่าตัว

ส่วนทางด้าน Bitcoin กลับมีเส้นทางที่แตกต่างออกไป แม้จะพุ่งทำสถิติสูงสุดที่ $126,000 ในเดือนตุลาคม แต่กลับไม่สามารถยืนระยะได้และร่วงลงมาแถวๆ $87,000 ช่วงสิ้นปี สะท้อนให้เห็นว่า Bitcoin ยังไม่สามารถทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หรือ Safe-haven ได้จริงในช่วงที่ตลาดเทขายสินทรัพย์เสี่ยงปลายปี

3 ปัจจัยมหภาคช่วยดันราคา Silver ในปี 2026

เบื้องหลังความร้อนแรงของราคา Silver ถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยมหภาคที่เอื้อต่อสินทรัพย์ที่จับต้องได้ หรือ Hard Assets อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินโลกไปสู่การผ่อนคลายเชิงนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ที่ปรับลดดอกเบี้ยหลายครั้งจน Real Yields ลดต่ำลงและกดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่า ผสมโรงกับความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่ยังไม่คลี่คลาย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้โลหะเงินเหนือกว่าทองคำคือ คุณสมบัติพิเศษแบบ 2 in 1 เพราะนอกจากจะเป็นสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อแล้ว ยังได้รับประโยชน์โดยตรงจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งในปี 2025 สองบทบาทนี้ ได้พิสูจน์แล้วว่า เป็นปัจจัยชี้ขาดที่ทำให้ราคาพุ่งทะยานเหนือสินทรัพย์อื่น

หัวใจสำคัญของการพุ่งขึ้นครั้งนี้ มีความเกี่ยวโยงกับความต้องการใช้งานจริงทางกายภาพ หรือ Real Demand มากกว่าแค่กระแสเก็งกำไร โดยเฉพาะการใช้งานในอุตสาหกรรมที่คิดเป็นสัดส่วนราวครึ่งหนึ่งของการบริโภคทั้งหมด 

การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำคัญ ทั้งจากแผงโซลาร์เซลล์ที่เป็นแหล่งความต้องการหลัก และพระเอกใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่รถแต่ละคันต้องใช้โลหะเงินมากถึง 25 ถึง 50 กรัม ซึ่งมากกว่ารถยนต์สันดาปถึง 70% 

เมื่อบวกกับโครงสร้างพื้นฐานอย่างเครื่องชาร์จเร็วความเร็วสูงที่ต้องใช้แร่เงินในระดับกิโลกรัม ทำให้ความต้องการส่วนนี้ เป็นความต้องการเชิงโครงสร้างที่ยั่งยืน ส่งผลให้ตลาดโลหะเงินโลกต้องบันทึกการขาดดุลเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันในปี 2025 ซึ่งเป็นโจทย์ยากของฝั่งอุปทาน เนื่องจากผลผลิตแร่เงินส่วนใหญ่เป็นเพียงผลพลอยได้จากการทำเหมืองโลหะอื่นๆ ไม่ได้มาจากการทำเหมือง Silver โดยตรง

นอกจากภาคอุตสาหกรรมแล้ว ปัจจัยที่คนพูดถึงน้อยแต่มีผลมหาศาลคือ งบประมาณกลาโหม และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ระบบอาวุธสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบนำวิถี เรดาร์ หรือโดรน ล้วนต้องพึ่งพา Silver ทั้งสิ้น 

ขีปนาวุธเพียงลูกเดียวอาจมีส่วนประกอบของโลหะเงินหลายร้อยออนซ์ และที่สำคัญคือ เมื่อถูกใช้งานแล้ว แร่เงินเหล่านั้นจะถูกทำลายไปทันทีและไม่สามารถนำกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ได้ 

การขยายตัวของสงครามในยูเครนและตะวันออกกลางทำให้สต็อกแร่เงินทางทหารลดลงไปเรื่อยๆ รัฐบาลหลายประเทศเริ่มจัดประเภท Silver เป็น วัสดุยุทธศาสตร์ เพื่อความมั่นคงแห่งชาติ สร้างวงจรสะท้อนกลับที่ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์กระตุ้นทั้งแรงซื้อเพื่อความปลอดภัยและการบริโภคจริงในเวลาเดียวกัน

นักวิเคราะห์ระดับตำนานชี้เป้า Silver ที่ระดับ $87 รับเทรนด์ปี 2026

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา นักเทรดระดับตำนานอย่าง Peter Brandt ออกมาฟันธงว่า เป้าหมายราคาถัดไปของ Silver คือ $87 และมีโอกาสทะลุ $200 ต่อทรอยออนซ์

​​

เมื่อมองข้ามช็อตไปถึงปี 2026 เนื่องจากปัจจัยบวกเหล่านี้ ยังคงอยู่อย่างครบถ้วน ทั้งการยอมรับ EV ที่เร่งตัวขึ้น นโยบายพลังงานสะอาด และงบประมาณกลาโหมที่ไม่มีทีท่าจะลดลง 

ในขณะที่ข้อจำกัดด้านอุปทานยังแก้ไม่ตก เพราะเหมือง Silver ใหม่ต้องใช้เวลาพัฒนา หากแนวโน้มทั้งหมดนี้ ยังดำเนินต่อไป โลหะเงินจะยังคงอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบที่สุด เพราะเป็นสินทรัพย์เดียวที่รวมเอาคุณสมบัติการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินแบบทองคำ และการเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยีโลกอนาคตไว้ด้วยกัน 

ที่มา:beincrypto