<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ซีอีโอ Coinbase มองว่า Bitcoin เป็น “กลไกตรวจสอบ-ถ่วงดุล” ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้มีสเถียรภาพมากขึ้น

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Brian Armstrong ซีอีโอของ Coinbase ออกมาให้มุมมองที่สวนทางกับความเชื่อแบบเดิมๆ โดยเขากล่าวว่า Bitcoin ไม่ได้เป็นภัยต่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่กลับช่วยหนุนในทางอ้อม ผ่านการเป็นกลไกตรวจสอบและถ่วงดุลที่กดดันให้รัฐบาลและธนาคารกลางต้องรักษาวินัยทางการเงินมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เงินเฟ้อสูงและการขาดดุลงบประมาณพุ่งไม่หยุด

Armstrong อธิบายว่า เมื่อรัฐใช้นโยบายการเงินผิดพลาด คนก็จะหันไปหา Bitcoin มากขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นสัญญาณเตือนว่า ความน่าเชื่อถือของดอลลาร์กำลังสั่นคลอน เขามองว่า Bitcoin สร้างการแข่งขันเชิงบวกให้ดอลลาร์ และช่วยจำกัดการใช้จ่ายเกินตัวของภาครัฐ หากปล่อยให้เงินเฟ้อโตเร็วกว่าศรษฐกิจจริง ดอลลาร์อาจเสี่ยงเสียสถานะสกุลเงินสำรองโลกในระยะยาว

มุมมองดังกล่าว เกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ของตลาดคริปโต โดยนักวิเคราะห์ของ Coinbase ระบุว่า ยุค “Wild West” ที่ตลาดขับเคลื่อนด้วยรายย่อยและกระแสเหรียญมีมกำลังจบลง ปัจจุบันราคาคริปโตถูกกำหนดโดยตลาดอนุพันธ์มากขึ้น โดยเฉพาะสัญญา Perpetual Futures ที่เลเวอเรจ สภาพคล่อง และ Funding Rate กลายเป็นตัวแปรหลักในการตั้งราคา

ก่อนหน้านี้ Armstrong เคยเตือนว่า หากสหรัฐฯ ยังควบคุมหนี้ และการขาดดุลไม่ได้ Bitcoin อาจค่อยๆ มีบทบาทเป็นสินทรัพย์สำรองควบคู่ดอลลาร์ ท่ามกลางหนี้สาธารณะล่าสุดที่พุ่งเกิน 38 ล้านล้านดอลลาร์ และสัดส่วนหนี้ต่อ GDP ที่มากกว่า 120% แม้เงินเฟ้อจะเริ่มชะลอ แต่ค่าครองชีพยังสูง และแรงกดดันทางเศรษฐกิจยังคงอยู่

นอกจากนี้ Armstrong ยังวิจารณ์การผลักดันกฎหมาย GENIUS Act โดยมองว่าธนาคารพยายามใช้การเมืองสกัดการแข่งขันจาก Stablecoin และฟินเทคฯ เขาย้ำว่าการต่อต้านผลตอบแทนจาก Stablecoin ไม่เพียงขัดขวางนวัตกรรม แต่ยังทำให้ผู้บริโภคเสียโอกาสในระบบการเงินที่เป็นธรรมกว่า

แนวคิดของซีอีโอ Coinbase สะท้อนให้เห็นว่า Bitcoin อาจไม่ได้มาเพื่อโค่นดอลลาร์อย่างที่หลายคนกลัว แต่กำลังกลายมาเป็นแรงกดดันเชิงโครงสร้างที่บังคับให้ระบบการเงินดั้งเดิมต้องรัดกุม และปรับตัวให้ทันโลกการเงินยุคใหม่มากขึ้น

ที่มา:cryptopolitan