(30 ธ.ค. 2025) – ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีและสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกกลับมาเผชิญแรงกดดันอย่างหนักอีกครั้ง เมื่อบัญชีทวิตเตอร์สายข่าวกรอง OSINTdefender รายงานข่าวด่วนถึงสถานการณ์การสู้รบที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยระบุว่ากองทัพยูเครนได้เปิดปฏิบัติการโจมตีด้วยโดรนขนานใหญ่ (Large drone attack) พุ่งเป้าเข้าใส่กรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย ข่าวความไม่สงบนี้ส่งผลจิตวิทยาเชิงลบต่อตลาดการลงทุนทันที ทำให้เกิดแรงเทขายเพื่อลดความเสี่ยง (Panic Sell) ในสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าความขัดแย้งอาจบานปลาย
รายงานจากแหล่งข่าวระบุรายละเอียดที่น่าตกใจว่า มีการตรวจพบเส้นทางบินของฝูงโดรนจำนวนมากมุ่งหน้าสู่ใจกลางรัสเซีย ท่ามกลางกระแสข่าวลือที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่ามีโดรนกว่า 91 ลำ พยายามเข้าโจมตีบ้านพักตากอากาศของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แม้ทางฝั่งยูเครนจะออกมาปฏิเสธและระบุว่าเป็นข่าวลวงเพื่อทำลายการเจรจาสันติภาพ แต่ความไม่แน่นอนของข้อมูล (Information Uncertainty) ในลักษณะนี้คือศัตรูตัวฉกาจของตลาดการเงิน ซึ่งมักจะกระตุ้นให้กราฟ Bitcoin และ Altcoins เกิดความผันผวนรุนแรง (Volatility) ในระยะสั้น
ปฏิกิริยาของตลาดคริปโทฯ ต่อข่าวสงครามในลักษณะนี้ มักเป็นไปในทิศทาง “Risk-off” คือนักลงทุนจะเลือกเทขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อโยกเงินไปถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) อย่างดอลลาร์สหรัฐหรือทองคำแทนชั่วคราว ทำให้ราคา Bitcoin อาจมีการย่อตัวลงแรงตามกระแสข่าวรายชั่วโมง อย่างไรก็ตาม นักเทรดสาย Futures จำเป็นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากในภาวะสงครามข่าวสาร ราคาอาจมีการดีดตัวกลับ (Whipsaw) ได้ทันทีหากมีการยืนยันว่าข่าวนั้นไม่เป็นความจริง หรือสถานการณ์คลี่คลายลง
นอกจากผลกระทบด้านราคาในระยะสั้นแล้ว นักวิเคราะห์ยังจับตามองผลกระทบเชิงมหภาค (Macroeconomics) ที่อาจเกิดขึ้นหากสงครามยืดเยื้อ เพราะหากการโจมตีส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของรัสเซีย อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาเงินเฟ้อระลอกใหม่ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจต้องชะลอการลดดอกเบี้ย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวถือเป็นปัจจัยลบที่สำคัญต่อทิศทางราคา Bitcoin ในระยะยาว
ที่มา: @sentdefender

