ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่าอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นและเหรียญ Stable Coin ที่กำลังได้รับความนิยมนั้นอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังสูญเสียมูลค่า หลังจากที่เฟดได้ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครึ่งเปอร์เซ็นต์ ดัชนีหุ้น S&P 500 ปิดร่วงต่ำกว่า 4,000 เป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 และนักวิเคราะห์เชื่อว่าหลังจากนี้ตลาดจะยิ่งมีความผันผวนสูงขึ้นไปอีก
การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ตลาดส่วนใหญ่มีมูลค่าร่วงลดลง เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกยังคงได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค และเฟดตั้งข้อสังเกตว่าอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นนี้จะสร้างปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต
เฟดเตือนถึงความผันผวน
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วอาจนำไปสู่ความผันผวนที่เพิ่มสูงขึ้น และตามมาด้วยการปรับฐานครั้งใหญ่ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ซึ่งนี่อาจทำให้เกิดการสูญเสียต่อตัวกลางทางการเงินที่หลากหลาย ทำให้ความสามารถในการระดมทุนลดน้อยลง
Fed ยังเชื่อด้วยว่า Stablecoin ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก แต่ในขณะที่ภาคส่วนนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว “มันยังมีความเสี่ยงในเรื่องของสภาพคล่องอยู่” เนื่องจากสินทรัพย์ที่ใช้สำหรับค้ำประกันอาจสูญเสียมูลค่า จนทำสภาพคล่องไม่เพียงพอ (เช่นเดียวกับที่เห็นในเหรียญ UST ที่มีมูลค่าหลุด Peg)
นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า เงินดอลลาร์จะได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น และพวกเขายังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจในตลาดอื่น ๆ จะนำไปสู่การแข็งค่าของเงินดอลลาร์
ยกตัวอย่างเช่น หากเกิดสงครามในยูเครน สกุลเงินที่เกี่ยวข้องในยุโรปก็อาจเผชิญกับมูลค่าที่ลดลง เช่นเดียวกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อาจถูกใช้หลุมที่หลบภัยของนักลงทุน
ที่มา : ambcrypto