วันนี้ (20 ธันวาคม) ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ก.ล.ต. และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ร่วมกันแถลงข่าวการสอบสวนการดำเนินคดีกับ Zipmex และประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ว่ามีความผิดในข้อหาฉ้อโกงประชาชน
โดยบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ให้สามารถบริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้เมื่อปี 2561 จนกระทั่งในเวลาต่อมา ทางบริษัทได้มีการชักชวนประชาชนให้นำสินทรัพย์ดิจิทัลไปฝากไว้ใน Zip up และ Zip up+ โดยจะให้ผลตอบแทนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล
แต่ทว่าทางบริษัทได้โอนสินทรัพย์ของลูกค้าที่มาลงทุนไปยังต่างประเทศเพื่อลงทุน แต่กลับขาดทุนจนไม่สามารถนำมาเงินมาคืนให้กับลูกค้า ก่อนที่จะระงับการถอนเงินบาทและสินทรัพย์ดิจิทัลจาก Zip up เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565
ซึ่งในเวลาต่อมา ก.ล.ต. ได้ดำเนินการตรวจสอบและสั่งให้ Zipmex ส่งข้อมูลเกี่ยวกับกิจการและการดำเนินงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง แต่ทางบริษัทก็ไม่ได้ส่งข้อมูลให้แต่อย่างใด และแม้ว่าจะส่งข้อมูลให้ในเวลาต่อมา แต่ข้อมูลที่ได้มานั้นไม่ครบถ้วน
ด้วยเหตุนี้ทำให้ Zipmex มีความผิดตามพ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ซึ่งทาง
ก.ล.ต. ก็ได้สั่งปรับบริษัท และนายเอกลาภฯ เป็นเงินจำนวนทั้งหมด 10,977,000 บาท
นอกจากนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รายงานว่ามีผู้เสียหายจำนวนมากจากเหตุการณ์นี้ โดยรวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 900 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าน่าจะมีผู้เสียหายมาแจ้งความมากกว่านี้
ในขณะที่ทางพนักงานสอบสวนได้พิจารณาว่าบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ เป็นความผิดในข้อหา “รวมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” ตาม มาตรา 4, 5, 12, 15 ของพ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และความผิดในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ตามพ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
และด้วยความซับซ้อนของคดีนี้ ทางตำรวจจึงได้ดำเนินการส่งคดีไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษให้รับเป็นคดีพิเศษดำเนินการต่อไป