หน่วยงานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับหนึ่งในนักลงทุน Web3 ที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี
ตามแถลงข่าวที่เผยแพร่ในวันพุธ SCBX และ Hashed ประกาศว่าพวกเขาได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อทำงานในโครงการริเริ่มและกิจกรรม R&D ร่วมกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการนำเทคโนโลยีแบบกระจายอำนาจมาใช้ในระดับภูมิภาคและระดับโลก
“ด้วยความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการผสมผสานความเชี่ยวชาญของสถาบันที่มีชื่อเสียงเข้ากับรากฐานทางเทคโนโลยีและปรัชญาของ Web3” Simon Seojoon Kim ซีอีโอและหุ้นส่วนผู้จัดการ Hashed กล่าวในแถลงการณ์ “ผมมั่นใจว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยรักษาการเติบโตของระบบนิเวศ Web3 ได้เป็นอย่างดี โดยไม่เพียงขยายอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงในระดับโลกด้วย”
ในขณะที่สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดหลายแห่งในเอเชียยังคงไม่เชื่อเรื่อง crypto รวมถึงสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบในภูมิภาคที่กำลังร้อนระอุ แต่ SCB ก็ยังคงเดินลงทุนในตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2021 SCB ประกาศว่า SCBX ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกำลังเปิดตัวกองทุนบล็อกเชนมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ ตามรอยคู่แข่งอย่าง ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ที่ได้ทุ่มเงินมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อเปิดตัวกองทุน web3 และ AI
ทั้งนี้ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือนี้ Hashed จะเป็นหัวหอกในการนำร่องทดสอบเทคโนโลยี Web3 ผ่านทาง ShardLab ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านการวิจัย
ในการให้สัมภาษณ์ Hojin Kim จาก Hashed ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของสตูดิโอสตาร์ทอัพ UNOPND กล่าวว่า ด้วยความพยายามร่วมกัน นี่จะเป็นการทดสอบเทคโนโลยี Web3 อย่างเฉพาะเจาะจงเพื่อช่วยแก้ไขจุดบกพร่องในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลูกค้าปัจจุบันยังคงเผชิญกับความไม่เอื้ออำนวยในชีวิตประจำวัน ธนาคารของพวกเขายังไม่ก้าวหน้ามากนัก และแพลตฟอร์ม e-commerce ยังคงมีการพัฒนาอยู่ ดังนั้นจึงยังมีช่องว่างสำหรับการปรับปรุงในแง่ของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลสำหรับลูกค้ารายย่อยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว” เขากล่าว
ที่มา: coindesk