Pranav Kanade ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ VanEck บริษัทด้านการเงินชื่อดัง ได้ให้คำแนะนำว่า ตัวเหรียญมีมนั้นมีจุดเด่นสำคัญที่ทีมพัฒนาโปรเจกต์คริปโตอื่น ๆ ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
เขากล่าวว่าตัวผลิตภัณฑ์หรียญ memecoins มีความเหมาะสมกับตลาดรายย่อย และเหตุผลแรกที่อยู่เบื้องหลังนั่นคือ ‘ความเรียบง่าย’ โดยเขาชี้ให้เห็นว่าทีมพัฒนาหลายทีมทำการพัฒนาโทเค็นจนซับซ้อนเกินไปจนลืมนึกไปว่า เวลา+เงินทุน+ความสนใจ = ความขาดแคลน
Kanede เน้นย้ำว่าในปี 2023 มีการเปิดตัวโทเค็นมากกว่า 600,000 สกุล ซึ่งมันได้เข้ามาเพิ่มการแข่งขันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรหลักที่ได้กล่าวไปข้างต้น เขาจึงเสริมว่าโปรเจกต์คริปโตต้องปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม ด้วยการออกแบบโทเค็นที่เรียบง่าย มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของตน และแสดงให้เห็นว่าวิสัยทัศน์ดังกล่าวนำมาซึ่งความมั่งคั่งให้กับผู้ถือโทเค็น
Kanade ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับอุปทานของโทเค็น โดยเขาระบุว่าการลดจำนวนลงของโทเค็นที่ถูกล็อกให้กับนักลงทุนรายแรก ๆ นั้นมีความสำคัญมาก เพราะในปัจจุบันนักเทรดต่างกลัวบุคคลกลุ่มนี้ที่ถือครองเหรียญจำนวนมาก และจะรีบทำการเทขายเมื่อมันปลดล็อก ซึ่งวิธีการดังกล่าวไม่ส่งผลดีต่อระยะยาวของตัวโปรเจกต์ทำให้มันโตต่อไม่ได้ ซึ่งวิธีการนี้มักจะใช้กันในโทเค็นที่ออกมาก่อนปี 2024 โดยเรียกมันว่า “low float” โมเดล
ขณะเดียวกันด้าน memecoins กลับทำตรงกันข้ามโดยมีการกำหนดปล่อยอุปทานทั้งหมดตั้งแต่เปิดตัวหรือที่เรียกว่า “high float” โดยที่มันมีการประเมินมูลค่าที่ต่ำ ดังนั้น Kanade จึงแนะนำให้นักพัฒนากลับไปทบทวนถึงโมเดลการปล่อยโทเค็นที่พวกเขาจะใช้ก่อนทำการเปิดตัวออกมา
สุดท้ายนี้เขายังได้เสริมอีกว่า โปรเจกต์คริปโตควรที่จะมีความโปร่งใสในระดับสูงสุด ซึ่งนั่นรวมไปถึงการเปิดเผยต้นทุนของการซื้อโทเค็นโดยกองทุน VC ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมักหาได้ยากและไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ
ที่มา : Cryptoslate