<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

IBM จับมือบริษัทเพชรชั้นนำ เคลมว่าจะสร้าง Supply Chain ที่โปร่งใสขึ้น

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในวันที่ 26 เมษายน 2018 IBM ตีพิมพ์ว่าพวกเขาได้จับมือกับหลายบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเครื่องเพชร เพื่อที่จะพัฒนาเทคโนโลยี Blockchain ในการติดตามต้นกำเนิดของเครื่องเพชร

Trustchain ได้จับมือกับบริษัทกลั่นโลหะมีค่านาม Asahi Refining, บริษัทค้าเพชรนาม Helzberg Diamond, บริษัทค้าโลหะมีค่านาม LeachGarner, บริษัทผลิตเครื่องเพชรนาม The Richline Group และบริการยืนยันตัวนาม UL ทั้งหมดมีความตั้งใจที่จะเพิ่มความโปร่งใสในข้อมูลของ Supply Chain ในอุตสาหกรรมของพวกเขา

ด้วยแพลตฟอร์ม Blockchain ของ IBM และโปรเจค HyperLedger จะทำให้โปรเจคดังกล่าวสามารถติดตามต้นกำเนิดของโลหะมีค่า และเครื่องเพชรเหล่านี้ได้ว่า จริง ๆ แล้วมันมาจากไหน มันจะก่อให้เกิด “การยืนยันแบบดิจิทัล, การยืนยันกระบวนการและผลิตภัณฑ์ และการตรวจสอบจากบุคคลที่สาม”  ซึ่งจะสามารถรับรองได้ว่าเครื่องเพชรที่ลูกค้าซื้อไปนั้น มาจากแหล่งที่ถูกต้องตามหลักกฎหมายและจริยธรรม

นาย Bridget Van Kralingen รองประธานอาวุโสด้าน Blockchain ของ IBM กล่าวว่า :

“ผู้บริโภคใส่ใจเรื่องที่มาของเครื่องเพชรเป็นอย่างมาก มีหลักฐานชัดเจนว่า 66 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าทั่วโลกยอมจ่ายมากกว่าเพื่อจะซื้อกับแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ TrustChain คือตัวอย่างว่า Blockchain จะสามารถเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมผ่านความโปร่งใสของข้อมูลที่เพิ่มขึ้นได้อย่างไร ซึ่งประโยชน์จะตกที่ลูกค้า”

การนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้จะทำให้กระบวนการอยู่ในแบบดิจิทัล ข้อมูลธุรกรรมทุกอย่างจะจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้, ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และแชร์กันได้ในเครือข่ายแบบ Real-time

นาย Mark Hanna หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Richline Group กล่าวว่า :

“TrustChain เป็นเทคโนโลยี Blockchain แรกที่ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมของเรา ก่อให้เป็นการแก้ปัญหาที่เกิดจากการรวมกันของเทคโนโลยีชั้นนำจาก IBM และการตรวจสอบข้อมูลโดย UL”

อ้างอิงจากการประกาศ โปรเจคนี้จะสำเร็จให้ลูกค้าของพวกเขาสามารถใช้งานได้ในปลายปีนี้

เราเริ่มได้เห็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในหลายอุตสาหกรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจาก ปัญหาความไม่โปร่งใสของข้อมูลนั้นเป็นปัญหาเรื้อรังที่แก้ได้ยาก เพราะว่าการเก็บข้อมูลยังเป็นการกระจุกไว้แค่ที่ ๆ เดียวหรือก็คือมีกลุ่มเล็ก ๆ สามารถควบคุมข้อมูลได้ หรือแบบ Centralized ซึ่งมีศักยภาพ Blockchain จะเป็นตัวที่จะมาทำลายปัญหานั้นได้ และข่าวนี้ยิ่งทำให้เราเชื่อมั่นในตัวมันได้เลยว่า เทคโนโลยีนี้แหละที่จะมาปฎิวัติโลกของเราเป็นตัวต่อไป

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น